เรียนรู้ทุกชนิดแต่ควรคิดก่อนใช้

เรียนรู้ทุกชนิดแต่ควรคิดก่อนใช้
คติพจน์ประจำใจ

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หนอนภูประชุมระดับวัด 2556


ประชุมพระสังฆาธิการระดับวัด
ประจำปี ๒๕๕๖
ในเขตปกครองคณะสงฆ์
จังหวัดร้อยเอ็ด  ภาค ๙
ตามมติมหาเถรสมาคมที่  ๑๔๓/๒๕๔๖
มติที่ ๘/๒๕๔๖ 
ณ  วัดคูเมือง  ตำบลคูเมือง 
อำเภอเมืองสรวง  จังหวัดร้อยเอ็ด
วันที่   ๑๓   กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๕๕๖

 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
    อตฺตา        หเว       ชิตํ       เสยฺโย
ชนะตนนี้แลดีกว่า
ยิ้มดี   4   อย่าง
                                                            เขาโกรธ     เรายิ้มเขาแย่
                                                            เราโกรธ     เขายิ้มเราเเย่
                                                            เขาโกรธ   เราโกรธ  ต่างแย่
                                                            เขายิ้ม   เรายิ้ม   สบายแน่

ขอถวายการต้อนรับ
พระเทพเมธี รองเจ้าคณะภาค ๙ 
ประธานประชุมพระสังฆาธิการ หน่วยที่ ๔ จังหวัดร้อยเอ็ด
สถานภาพเจ้าอาวาส
๑.หน้าที่เจ้าอาวาส มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ บัญญัติไว้ว่าเจ้าอาวาสมีหน้าที่ดังนี้
๑. บำรุงรักษาวัด   จัดกิจการและศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี
๒.ปกครองและสอดส่อง  ให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีอยู่หรือพำนักอาศัยอยู่ในวัด ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับหรือคำสั่งของเถรสมาคม
๓. เป็นธุระในการศึกษาอบรมและสั่งสอน  พระธรรมวินัยแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์
๔. ให้ความสะอาดตามสมควรในการบำเพ็ญกุศล




๒. อำนาจเจ้าอาวาส มาตรา๓๘ แห่งมาตราพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ บัญญัติไว้ว่าเจ้าอาวาสมีอำนาจดังนี้
๑. ห้ามบรรพชิตและคฤหัสถ์  ซึ่งไม่ได้อนุญาตของเจ้าอาวาสเข้าไปอยู่อาศัยในวัด

 ๒. สั่งบรรพชิตและคฤหัสถ์  ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด
๓. สั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์  ที่มีอยู่หรือพำนักอาศัยอยู่ในวัด ทำงานภายในวัดหรือทำทัณฑ์บนหรือขอขมาโทษ ในเมื่อบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ในวัดนั้นประพฤติผิดคำสั่งของเจ้า-อาวาสซึ่งสั่งโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งของมหาเถรสมาคม
 ๓.เจ้าพนักงาน มาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ บัญญัติไว้ว่าพระภิกษุผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในทางการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาดังนั้น เจ้าอาวาสจึงถือว่าเป็นพนักงานด้วย และเป็นเจ้าพนักงานแบบเบ็ดเสร็จเสียด้วย คือ 
 ๑.เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง มีอำนาจหน้าที่ปกครองดูแลรับผิดชอบในกิจการวัดทั่วไป พูดง่าย ๆ ว่าภายในวัดไม่มีใครใหญ่กว่าเจ้าอาวาส
 ๒.เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายยุติธรรม เมื่อมีอธิกรณ์หรือมีความผิดเกิดขึ้นในวัด เจ้าอาวาสมีอำนาจหน้าที่สืบสวน สอบสวน และมีอำนาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยลงโทษได้ด้วย
 ๔.พระสังฆาธิการ สถานภาพของเจ้าอาวาสอีกอย่างหนึ่ง คือ พระสังฆาธิการ หมายความว่า เป็นพระเจ้าหน้าที่ นั้นเอง จะเรียกตามภาษาตลอดว่า พระเจ้านาย ก็ได้ ถ้าเทียบเทียบกับทางฝ่ายบ้านเมืองก็คงเหมือน ข้าราชการ กระมัง? พระสังฆาธิการจึงต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าพระภิกษุธรรมดาทั่วไป นอกจากพระธรรมวินัยแล้ว ยังมีจริยาพระสังฆาธิการกำกับไว้อีกโสดหนึ่งด้วย
 การเรียกหรือการเขียนชื่อเจ้าอาวาสนั้น ถ้าไม่มียศหรือสมณฐานันดรศักดิ์เป็นอย่างอื่น เรียกว่า พระอธิการ เช่นพระอธิการหนูพร  จารุวณฺโณ   พระอธิการสมบัติ  ปิยสีโล ถ้ามียศหรือฐานันดรศักดิ์ก็ให้เรียกตามนั้น เช่น พระสมุห์บุญช่วย  ปุญฺญกาโม พระครูปริยัติโชติยาภรณ์   พระครูปลัดนคร  จนฺทธมฺโม เป็นต้น
 ส่วนเจ้าคณะตำบลนั้น ถ้าไม่มียศหรือสมณฐานันดรศักดิ์อย่างอื่น เรียกว่า เจ้าอธิการ ถ้ามียศหรือสมฐานันดรศักดิ์ก็ให้เขียนหรือเรียกตามยศนั้น ๆ เช่นเดียวกับเจ้าอาวาสดังที่กล่าวข้างต้น
 การปกครองวัด
การปกครองวัด  หรือการบริหารวัดนั้น ถ้าจะกล่าวให้สั้นที่สุดก็คือ การบำรุงรักษาและการพัฒนาวัด นั้นเอง ซึ่งโดยตรงนั้นเป็นภาระหน้าที่ของเจ้าอาวาส รวมไปถึงพระภิกษุสามเณรภายในวัดตลอดจนกรรมการและทายกทายิกาแห่งวัดนั้น ๆ ดังจะขอเสนอแนะดังต่อไปนี้
 ๑. การทำป้ายชื่อวัด วัดทุกวัดต้องทำป้ายชื่อวัดเอาไว้เขียนข้อความบอกตำบลที่อยู่ให้ชัดเจน ควรทำด้วยวัสดุที่มั่นคงถาวร ถ้าวัดสร้างซุ้มประตูก็ควรทำป้ายชื่อวัดไว้ที่ซุ้มนั้น ถ้าเห็นสมควรก็ควรทำป้ายชื่อวัดไว้หลาย ๆ ด้าน เพื่อคนผ่านไปมาในด้านไหนจะมองเห็นได้สะดวก


 จะเป็นประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร บางวัดแม้จะผ่านทุกมุมแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าชื่อวัดอะไร เพราะไม่มีป้ายชื่อ วัดไว้เลย เรื่องนี้มันไม่หนักหนาอะไรเลย แต่เจ้าอาวาสไม่เอาใจใส่ สำหรับวัดเล็ก ๆ ตามชนบทบ้านนอก ลงทุนทำป้ายเพียง ๑,๐๐๐ บาทก็พอแล้ว อย่างอื่นทำไมจึงยอมเสียได้ ซื้อหวยเบอร์งวดละพัน ๆ บาทไม่เห็นเสียดายเลย



พระราชธรรมโสภณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด 
วัดบูรพาภิราม พระอารามหลวง ตำบลในเมือง
อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด

ร่วมด้วยช่วยกันขึ้นป้ายประชุมพระสังฆาธิการ

รวมพลังสามัคคีศรีเมืองสรวง
จัดเตรียมห้องประชุม
นำทีมโดย นางถนอม นายกเทศมนตรีตำบลคูเมือง
และนายนิติศาสตร์ คำชาย ประธานสภาวัฒนธรรม
อำเภอเมืองสรวง พร้อมคณะ
สู้ สู่ ความสำเร็จ
ที่มาแห่งความสำเร็จ
งานคณะสงฆ์ต้องร่วมด้วยช่วยกัน 
บูชาด้วยต้นจำปี (พระราชธรรมโสภณ) จำปี จนฺทธมฺโม
ต้องใช้ความพยายาม
ร่วมประชุมคณะสงฆ์ ๔ อำเภอ ประกอบด้วย
อำเภอเมือง อำเภออาจสามารถ
อำเภอพนมไพร และอำเภอหนองฮี
 ๒. จัดทำแผนผังวัด วัดทุกวัดควรจัดทำแผนผังวัดไว้ให้เป็นที่แน่นอน โดยขอความร่วมมือช่วยเหลือให้ท่านผู้มีความเชี่ยวชาญด้านแผนที่ทำให้ในการจัดทำแผนผังวัดนี้ให้พิจารณาขนาดพื้นที่และรูปที่ดินของวัดว่า กว้างยาวเท่าไร มีรูปผืนดินเป็นทรงอะไร

 แล้วกำหนดเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส เขียนแผนผังไว้เลย กุฏิอยู่แถวไหน อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง เมรุเผาศพ อยู่ตรงไหน สนามบริเวณหรือลานวัดอยู่ที่ใด เวลาจะก่อสร้างเสนาสนะใดก็สร้างตามแผนผังที่ทำไว้นั้น เพื่อให้มันเป็นแถวเป็นแนว เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม และที่สำคัญต้องคำนึงถึงการควบคุมดูคนในวัดด้วย
 ดังที่เราจะเห็นว่า มีวัดหลายวัดสร้างเสนาสนะแบบไม่มีแผนผังวัด สร้างกุฏิไปทั่วบริเวณวัด มุมนี้หลังหนึ่ง มุมโน้นหลังหนึ่ง มุมโน้นหลังหนึ่ง กระจัดกระจายไปทุกด้านทุกมุมของวัด สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิเล็กบ้างใหญ่บ้างกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณวัด เนื้อที่วัดกว้าง ๆ

 แต่หาที่ดูพอเจริญตาเจริญใจไม่ได้ เจ้าอาวาสรูปเดิมสร้างตรงนี้ เจ้าอาวาสรูปใหม่สร้างตรงโน้น บางวัดอุตริไปสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ตรงทางออกของวัดนั้นแหละโดยไม่คิดว่ามันควรหรือไม่ควรอย่างไร ทั้งนี้เพราะไม่มีแผนผังนั้นเอง
 ๓. การทำประวัติวัด โดยที่วัดเป็นสถาบันที่มีความสำคัญทางปะวัติศาสตร์และสังคม วัดทุกวัดจึงควรมีสมุดเล่มใหญ่ จดบันทึกประวัติและเหตุการณ์ของวัดไว้ทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ วัน เดือน ปี ที่ก่อสร้างหรือตั้งวัด เนื้อที่ดินวัดครั้งแรกมีเท่าไร ต่อมามีเพิ่มขึ้นอย่างไรได้มาอย่างไร
 มีที่ธรณีสงฆ์หรืกัลปนาหรือไม่อย่างไร มีเจ้าอาวาสผ่านมาแล้วจนถึงปัจจุบันกี่รูป ชื่ออะไร เป็นเจ้าอาวาสจาก พ.ศ. ไหน ถึง พ.ศ. ไหน กุฏินี้สร้างเมื่อไหร่ สิ้นเงินไปเท่าไร ศาลาการเปรียญมีขนาดกว้างยาวเท่าไร สร้างขึ้นเมื่อไร

 อุโบสถมีขนาดกว้างยาวเท่าไร สร้างขึ้นและสำเร็จ พ.ศ.ไหน สิ้นเงินไปเท่าไร ลงรายละเอียดไปกระทั้งว่าใครทอดกฐินปีใด ได้เงินบำรุงวัดเท่าไรมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมวัดหรือมาประกอบกิจกรรมในวัด ชื่ออะไร เมื่อไร บันทึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ

ที่เกิดขึ้นไว้ทุกขั้นตอน
อนึ่ง วัดจะต้องมีสมุดบัญชีทะเบียนต่าง ๆ เช่น บัญชีสำรวจพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด บัญชีรายชื่อและสถิติจำนวนนักเรียน ทั้งแผนกธรรมและบาลีและแผนกอื่น ๆ เพื่อจะได้ทราบว่าแต่ละปีหรือแต่ละพรรษาที่แล้ว ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ มีจำนวนเท่าไร มีนักเรียนส่งเข้าสอบชั้นต่าง ๆ จำนวนเท่าไร สอบได้ สอบตก จำนวนเท่าไร ต้องทำไว้ตลอด
 ๔. สร้างเสนาสนะเหมาะสม ก่อนที่จะตกลงสร้างเสนาสนะอะไร เจ้าอาวาสต้องคิดดูให้คิดดูให้ดีเสีย ต้องปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเสียก่อนว่า จะสร้างขนาดใด ตรงไหน มีแบบแปลนแผนผังอย่างไร มีทุนทรัพย์อยู่แล้วเท่าไร
 จะต้องหาอีกเท่าไรจะได้จากแหล่งไหนบ้าง กะระยะเวลาในการต่อสร้างนานเท่าไรและที่สำคัญคือต้องคำนึงว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะใช้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่
 เจ้าอาวาสบางรูปคิดผิด คิดว่าตัวเองจะไม่รู้จักตาย ถือว่าตัวเองมีบุญบารมีมากมีคนศรัทธาเลื่อมใสมาก คิดอยากจะสร้างสิ่งใด ตรงไหน ก็ทำลงไปเลย อ้างว่าฉันหาเงินสร้างเองได้ ฉันจะสร้างอย่างนี้ใครจะทำไม ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาภายหลัง
 เพราะเมื่อสร้างลงไปแล้วมันรื้อถอนยาก ความจริงนั้นเจ้าอาวาสตายได้หรือเปลี่ยนได้ แต่วัดไม่รู้จักตายและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าอาวาสอย่าคิดสร้างภาระหนี้สินแก่วัดและคนภายหลัง เจ้าอาวาสบางรูปอ้างเอาการก่อสร้างหรือสิ่งที่ก่อสร้างบิณฑบาตเรี่ยไรเงินทั้งปีทั้งชาติ สร้างอันนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เอ้า ...สร้างสิ่งโน้นอีกแล้ว บางที่สิ่งที่สร้างขึ้นก็ใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า สร้างกระท่อมกระต๊อบกระแต๊บไว้ทั่วมุมวัด
 อนึ่ง การสร้างเสนาสนะในวัดนั้น ต้องคำนึงถึงศิลปวัฒนธรรมของไทยให้มาก ๆ เพราะศิลปวัฒนธรรมเป็นเอกราชอย่างหนึ่งของชาติมีหลายวัดสร้างอุโบสถ กุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ แบบรูปทรงแปลก ๆ หลังคาแบบอาคารร้านค้าบ้าง

 ดัดแปลงทรงไทยให้เป็นฝรั่งบ้าง คงนึกว่ามันโก้เก๋อะไรทำนองนั้น หารู้ไม่ว่ามันเสียเอกลักษณ์ไทยไปแล้ว บางวัดสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กองค์ใหญ่เอาเอง แบบไม่มีพุทธศิลป์สร้างเป็นปางโน้นปางนี้แบบลวก ๆ ตั้งไว้ตามโคนต้นไม้ทั่ววัดทั่ววาไปหมด
 ไม่มีคนปรนนิบัติรักษา ปล่อยให้สกปรกเศร้าหมอง มองดูแล้วเหมือนกับตุ๊กตาที่คนเขาไม่ต้องการ ของสูงศักดิ์ สิทธิ์ก็เลยกลายเป็นของต่ำไป ที่จริงนั้น พระพุทธรูปต้องประดิษฐานไว้ในอุโบสถ หรือในวิหาร ศาลาการเปรียญ เท่านั้น
 บางวัดยิ่งไปกันใหญ่เลย เที่ยวได้สร้าง รูปยักษ์ รูปมาร รูปสัตว์ต่าง ๆ รูปโยนี รูปศิวลึงค์ เต็มวัดไปหมด โดยไม่คิดว่ามันสมควรหรือเหมาะสมอย่างไรหรือไม่ ?
 ๕. พัฒนาวัดให้เป็นอาราม วัดทั่วไปนอกจากจะถือว่าเป็นบุญสถานและปูชนียสถานแล้ว ยังเป็นสาธารณะสถานด้วย และต้องจัดให้เป็นรมณียสถาน สมกับคำว่า อาราม แปลว่า สถานที่น่ารื่นรมย์หรือสถานที่น่าชื่นชม ยินดี ต้องมีความเงียบสงบ
 ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครม นอกจากจะสร้างเสนาสนะเป็นแถวเป็นแนว เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ต้องปลูกต้นไม้มีความร่มรื่นด้วย ควรแบ่งเนื้อที่วัดออกเป็นเขตสนามหรือลานวัดไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นแหล่งอากาศบริสุทธิ์หรือปอดของชุมชน ต้องพยายามทำวัดให้เป็นแดนสงบ
 ปราศจากสิ่งรบกวนทั้งภายในและภายนอก การปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้ผล ไม้ประดับ ต้องพิจารณาให้ดี บางวัดปลูกต้นไม้มากจริงแต่ไม่เป็นระเบียบ ไม่เป็นที่เป็นทาง และไม่มีการดูแลรักษา ปล่อยให้สกปรกรกรุงรังจนหาความร่มรื่นไม่ได้ จะเข้าไปอาศัยร่มเงาของต้นไม้ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีความสะอาดสะอ้าน
 เราจะสังเกตเห็นบางวัด ตลอดปีตลอดชาติมีแต่วัสดุก่อสร้างสนามบริเวณวัดเต็มไปด้วยกองหินกรวดทรายเต็มไปด้วยไม้แบบไม้นั่งร้าน อิฐ เหล็ก ปูน สนามบริเวณวัดกว้าง ๆ หาที่เดินแทบไม่ได้ อย่างนี้ไม่ใช่พัฒนาวัดให้เป็นอาราม
 แต่ทำวัดเป็นสลัมมากกว่า เพราะมันแออัดยัดเยียดจนกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม บางวัดกลายกลายเป็นสนามกีฬาสมัครเล่น มีการเล่นฟุตบอล ตระกร้อ ขี่จักรยาน และอะไรต่ออะไรทั้งพระทั้งเณรและเด็กวัดส่งเสียงเกรียวกราวไปเลย บางวัดกลายเป็นโรงมหรสพกลางแจ้ง มีฉายภาพยนตร์ทุกอาทิตย์
 มีการเล่นหมอลำหมู่เกือบทุกคืน มีการแสดงลามกอนาจาร บางวัดเป็นที่มั่วสุมของพวกยาเสพติดให้โทษวัดก็เลยกลายเป็นวิคที่ประชาชนเขาพากันนิยมไปวัดป่ามากขึ้น ๆ นั้นก็เพราะวัดในบ้านในเมืองกลายเป็นวิคนี้แหละ
 ๖. การดูแลทรัพย์สินของวัด ทรัพย์สินของวัดไม่ว่าจะเป็นประเภท ครุภัณฑ์หรือลหุ-ภัณฑ์ ทางวัดต้องมีสมุดบัญชีลงรายการเอาไว้อย่างถูกต้อง โดยให้ลงรายละเอียดประเภท จำนวน สิ่งของนั้น ๆ ว่าได้มาอย่างไร แต่เมื่อไรและจำหน่ายออกไปอย่างไร
 สิ่งของนั้น ๆ ว่าได้มาอย่างไร สิ่งของใดควรเก็บรักษาไว้ที่ใดและอย่างไร ต้องมอบหมายให้มีผู้ดูแลรับผิดชอบ สิ่งของอันใดควรนำออกมาใช้ในงานอย่างไร ถ้าเป็นวัดใหญ่ ๆ จะมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ เรียกว่า เจ้าอธิการฝ่ายนั้น ๆ เพื่อให้ดูรักษาทรัพย์สินของวัด เป็นการแบ่งเบาภาระเจ้าอาวาส
 เกี่ยวกับการเงินของวัดนั้น ถ้ามีเงินสงฆ์เกินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท (สามพัน) ต้องนำฝากธนาคารที่เชื่อถือได้ และ ต้องฝากในนามบัญชีวัด โดยมีเจ้าอาวาสและกรรมการตามสมควรลงชื่อในการฝากและเบิกถอน ซึ่งแล้วแต่จะตั้งเงื่อนไขกับธนาคาร ข้อสำคัญ เจ้าอาวาสอย่าฝากเงินวัดในนามชื่อเจ้าของเอง ต้องฝากในนามวัดจะเบิกถอนต้องมีกรรมการเซ็นชื่อตามเงื่อนไข เช่น ๒ ใน ๓ หรือ ๓ ใน ๔ โดยมีเจ้าอาวาสรับรู้ด้วยทุกครั้ง
 มีบางวัดที่เจ้าอาวาสร่วมกับกรรมการวัดบางคนเอาเงินไปใช้ในทางไม่ถูกต้องในรูปแบบต่าง ๆ คือ ให้คนกู้ยืมเพื่อหวังได้ดอกเบี้ยสูง ๆ บ้าง เอาไปเข้าหุ้นลงทุนกิจการต่าง ๆ บ้าง เอาไปรับจำนำจำนองสิ่งของบ้าง อย่างนี้เป็นความเสียหายมาก มันกลายเป็นว่าวัดเป็นนายทุนเงินกู้ วัดเป็นนักธุรกิจ วัดเป็นพ่อค้าวาณิชย์อะไรไปเสียอย่างนั้น ในที่สุดเงินสูญหายทั้งต้นทั้งดอกอย่าคิดทำเป็นเด็ดขาด
 ๗. การพัฒนาศาสนบุคคล คำว่า ศาสนบุคคลในที่นี้หมายเอาคนที่อยู่ในวัด ได้แก่พระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด ต้องมีการฝึกหัดอบรมและควบคุมดูแลเป็นอย่างดี เพื่อให้ความรู้ความฉลาดและประพฤติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย ต้องจัดให้มีการเรียนการสอนพระธรรมวินัยและวิชาการอื่นที่สมควร
 อย่าปล่อยให้พระภิกษุสามเณรเป็นคนโง่ทุกวัดต้องจัดให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลีพระเณรบวชเข้ามาจะได้มีความรู้ความฉลาด ต้องฝึกหัดอบรมให้พระเณรมีกิริยามารยาทเรียบร้อย ต้องให้รักษาสมณสารูปอย่างเคร่งครัดต้องสวดมนต์ไหว้พระได้ถูกต้อง ต้องสามารถเทศน์หรือแสดงธรรมได้ต้องเป็นผู้นำในทางศาสนพิธีต่าง ๆ ได้
 ปัจจุบันวัดส่วนมากมักจะมุ่งพัฒนาแต่ในด้านศาสนวัตถุ เพราะอยากได้รับการยกย่องสรรเสริญจากประชาชน แต่ไม่สนใจการพัฒนาศาสนบุคคลเลย พระภิกษุสามเณรจะได้ศึกษาเล่าเรียนหรือไม่ไม่ได้คิด พระภิกษุสามเณรจะมีความรู้ความฉลาดหรือไม่ไม่ได้คำนึงถึงจึงเห็นทั่วไปว่าหลายวัดมากด้วยวัตถุ
 แต่พระภิกษุสามเณรอยู่เพียงไม่กี่รูปและประเภทหลวงตา สวดมนต์ถูก ๆ ผิด ๆ จะเทศน์หรือแสดงธรรมให้ญาติโยมฟังก็ไม่ได้ สร้างอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญใหญ่โต แต่เอาไว้ให้ค้างคาว นกพิราบ จิ้งจก ตุ๊กแก อยู่
 ความจริงนั้น ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาได้เขียนไว้ชัดว่า มหาวิหารตั้งพัน มหาเจดีย์ตั้งพัน ก็ไม่สามารถจะทรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ ที่พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญจากประเทศอินเดียนั้นเพราะยุคหลัง ๆ
 พระสงฆ์มุ่งแต่ในด้านก่อสร้างวัตถุและมุ่งแต่ในด้านลาภสักการมหาวิทยาลัยนาลันทามีอาคารสถานที่เป็นพัน ๆ หลังถูกเผาวอดวายหมดศาสนวัตถุในประเทศเขมรช่วยประเทศชาติบ้านเมืองอะไรได้บ้าง ? การให้พระภิกษุสามเณรมีความรู้ความสามารถมีความรู้ความฉลาดและประพฤติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยนั้นแล จึงทรงหรือรักษาพระศาสนาไว้ได้
 สรุปว่า การพัฒนาศาสนวัตถุต้องให้ควบคู่กันไปกับการพัฒนาศาสนบุคคล ถ้าไม่พัฒนาศาสนบุคคลวัดจะไปไม่รอดอย่างแน่นอน บางวัดแต่ละปีลงทุนด้านศาสนวัตถุเป็นแสนเป็นล้านแต่การลงทุนด้านพัฒนาศาสนบุคคลเกือบไม่มีเยอย่างนี้บุคลากรของศาสนาจะมีคุณภาพได้อย่างไรพระสงฆ์จะช่วยสังคมและชาติบ้านเมืองได้อย่างไรเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดต้องตระหนักเรื่องนี้ให้มากและต้องขวนขวายดำเนินการ
 ๘. บ้านกับวัดวัดกับบ้าน บ้านกับวัดหรือวัดกับบ้านเป็นของคู่กัน เพราะมีบ้านแล้วจึงมีวัด วัดจะอยู่ได้และมีความเจริญมั่นคงต่อไปต้องอาศัยบ้าน ในขณะเดียวกันชาวบ้านจะมีศีลธรรมอยู่กันด้วยความสงบสุขก็ต้องอาศัยวัด ความสัมพันธ์ ระหว่างบ้านกับวัด จึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดทำความเข้าใจกันและต้อง สร้างสรรค์ให้มีขึ้นให้จงได้ ดังต่อไปนี้
 ฝ่ายวัด
๑. พระภิกษุสามเณร  ต้องมีการศึกษาเล่าเรียน ต้องมีความประพฤติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย ต้องมีกิริยามรรยาทเรียบร้อยต้องรักษาสมณสารูปให้เคร่งครัด ต้องอยู่กันด้วยความสงบสงัดและมีความสามัครสมานสามัคคี ต้องมีจิตใจเป็นนักบวชอย่างแท้จริง
 อย่าคิดอาศัยหรือผ้าเหลืองบังหน้าหาเลี้ยงชีพ ต้องเคร่งครัดในสิกขาบทวินัยต้องทำตนให้สมกับคำว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลก ต้องทำตนให้ชาวบ้านเคารพกราบไหว้อย่างสนิทใจต่อจากนี้ เจ้าอาวาสและพระภิกษุสามเณรต้องมีความปรารถนาดีต่อชาวบ้าน พยายามจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นในวัด
 เพื่อชักชวนให้ชาวบ้าน พยายามจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นในวัด เพื่อชักชวนให้ชาวบ้านได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ เป็นประจำ เห็นชาวบ้านมีความทุกข์ความเดือดร้อน ก็ให้คิดหาทางช่วยเหลือ เห็นชาวบ้านหลงใหลในทางที่ผิดก็หาทางแนะนำสั่งสอนในทางที่ถูก เห็นชาวบ้านแตกสามัคคีก็หาทางปรับปรุงแก้ไข กิจกรรมบางอย่างที่ชาวบ้านจัดขึ้น ถ้าไม่ขัดต่อสมณวิสัยแล้วอย่าได้ปฏิเสธ
 ข้อที่สำคัญที่สุด คือ พระสงฆ์อย่าไปทะเลาะกับชาวบ้านพออดต้องอด พอทนต้องทน ชาวบ้านสู้พระเณรไม่ได้อยู่แล้ว พระเณรได้รับการยกย่องนับถือมากกว่าอย่างแน่นอน ขอให้รักษาความเป็นพระเป็นเณรให้ได้จริง ๆ ชาวบ้านจะยอมรับเอง พวกชาวบ้านมีศีลน้อยกว่าพระเณรจะไปทะเลาะกับเขาให้มันเสียศักดิ์ศรีทำไม ? เว้นแต่จะเหลืออดเหลือทนจริง ๆ
 ๒. ทางวัด  ต้องให้ความสะดวกในการบำเพ็ญกุศลตามสมควร คือให้เหมาะสมกับฐานะของชาวบ้านคนนั้น ๆ เขาจะขอใช้สถานที่เขาจะยืมเครื่องใช้ไม้สอย เขาจะขอคำปรึกษาหารือ เขาจะบวชลูกบวชหลานก็ต้องให้ความสงเคราะห์อนุเคราะห์ตามสมควร
 เจ้าอาวาสบางวัดไม่มีความเอื้อเฟื้อเรื่องนี้เลย ชาวบ้านจะขออาศัยวัดทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ขัดต่อศีลธรรมก็ไม่ได้ จะขอยืมสิ่งของเครื่องใช้ก็ไม่ให้ ชาวบ้านจะเดือดร้อนอย่างไรก็ไม่รับรู้ ไม่มีอัธยาศัยต่อชาวบ้าน ตระหนี่จนกระทั่งเสื่อสาดหมอนขาด ๆ หวงแหนก็ทั้งข้าวแห้ง อย่างนี้เป็นการหันหลังให้ชาวบ้านชัด ๆ ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
 ๓. เวลาชาวบ้านประสบความสูญเสีย เช่น เวลาตาย ทางวัดต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเจ้าทุกข์ต้องให้ความอบอุ่นใจแก่ชาวบ้านเห็นชาวบ้านทำอะไรไม่ถูกต้องตามประเพณีต้องช่วยแนะนำช่วยเหลือเพราะเวลาตายชาวบ้านมักจะเสียใจทำอะไรไม่ถูกต้องทางวัดต้องช่วยเหลือเป็นกำลังใจ
 อย่าคอยแต่จะไปสวดมาติกาบังสุกุลเท่านั้นที่น่าเกลียดที่สุด คือ เจ้าอาวาสและพระภิกษุสามเณรบางวัดเจ้าภาพนิมนต์แล้วสามครั้งยังไม่ยอมไป อ้างว่าคนตายหรือญาติของคนตายเคยเป็นศัตรูกับวัดบ้างละ อ้างว่าคนตายไม่เคยมีบุญคุณอะไรต่อวัดบ้าง ละ อย่างนี้
 เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะคนตายแล้วถือว่าสิ้นสุดหรือจบกันแค่นั้น จะไปถือกันอะไรนักหนา ขอให้เข้าใจว่าชาวบ้านเขาต้องการพึ่งพระมากที่สุดก็ตอนเวลาตายนี้แหละ พิธีการจัดการทำเกี่ยวกับศพเขาต้องพึ่งพาอาศัยพระเณร เขาต้องพึ่งพาศัยวัดไม่ควรนิ่งดูดายเป็นอันขาด
 ฝ่ายบ้าน
๑. ชาวบ้านต้องเคารพยำเกรงต่อวัด ต้องเกรงอกเกรงใจต่อพระภิกษุสามเณร ต้องคิดเสมอว่าวัดคือสถานที่เคารพสักการะวัดมีผู้ปกครองดูแล มีเจ้าอาวาสและพระภิกษุสามเณรรับผิดชอบ จะไปทำหรือเกี่ยวข้องอะไรในวัด ต้องบอกกล่าวให้ทางวัดทราบ ต้องขออนุญาต ต้องมีความละอายแก่ใจ 
 จะต้องไม่เป็นการล่วงเกินวัด จะต้องไม่ล่วงละเมิดอำนาจหน้าที่เจ้าอาวาสชาวบ้านบางคนหรอบางหมู่บ้านไม่ค่อยคิดเรื่องนี้ โดยมักจะถือว่าวัดเป็นสาธารณสถานจะเข้าไปยุ่มย่ามหรือทำอะไรก็ได้ จึงทำตนใหญ่กว่าพระภิกษุสามเณรในวัด
 อยากได้อยากเอาอะไรก็เอาไปเลย อยากทำอะไรหรืออยากกินอะไรก็ทำไปโดยพลการ การเงินการทองของวัดไม่ยอมให้เจ้าอาวาสหรือทางวัดรู้เห็นด้วย เข้าทำนองที่ว่า สมภารอยู่วัด เจ้าอาวาสอยู่บ้าน ลักษณะอย่างนี้บ้านกับวัดไปด้วยกันยาก
 ๒. ชาวบ้านต้องช่วยกันอุปถัมภ์บำรุงวัด ต้องอุปัฏฐากพระภิกษุสามเณรด้วยปัจจัยสี่ ภัตตาหารเช้าเพล พระภิกษุสามเณรเป็นอยู่อย่างไร ชาวบ้านต้องคอยดูแลสอบถาม เพราะพระภิกษุสามเณร อาศัยปัจจัยสี่จากชาวบ้าน
 เมื่อรวบรวมจตุปัจจัยได้จากงานทำบุญใด ๆ แล้ว ต้องพิจารณาจัดแบ่งถวายพระภิกษุสามเณรใช้สอยบ้าง เพราะต้องใช้ค่าน้ำค่าไฟ ค่าสบู่ยาสีฟัน ค่าหยูกยารักษาโรค ค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะอย่าแต่ว่าเงินทองอะไร ๆ จะต้องเป็นเงินกลางสงฆ์เสมอไปทุกบาททุกสตางค์
 ชาวบ้านบางหมู่บ้านทำไม่ถูกในเรื่องนี้ นอกจากจะไม่สนใจหรือเอาใจใส่ในการอุปถัมภ์บำรุงวัดและพระภิกษุสามเณรแล้ว ยังชอบเข้าไปยุ่มย่ามสร้างความวุ่นวายให้ทางวัดด้วย บางวัดจะเห็นหน้าผู้ใหญ่บ้านกรรมการวัดก็ต่อเมื่อมีงานทำบุญทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เท่านั้น เพื่อจะไปตรวจนับเงิน เงินขายข้าวแห้ง เงินขายมะพร้าวแห้ง เงินที่เขาบูชาเสื่อหมอนเก่า ๆ ทุกบาททุกสตางค์ไปไล่เบี้ยพระเณร เอาไปเป็นเงินกลางสงฆ์หมด
 ในที่สุดวัดนั้นไม่มีพระเณรอยู่อาศัย เลยไม่มีสงฆ์ให้เงินกลางสงฆ์อีกต่อไป เพราะพระเณรทนอยู่ไม่ได้ แล้วใครเขาจะทอดกฐินผ้าป่าวัดของชาวบ้านจึงล้มลุกคลุกคลานมาตลอดกลายเป็นวัดร้างมามากต่อมากแล้ว จะเข้าพรรษาทีก็วิ่งวุ่นหานิมนต์พระเณรไปอยู่ที อย่างนี้เพราะชาวบ้านทำไม่ดีเอง
 ๓.ชาวบ้านที่ดีต้องไม่เข้าไม่ยุ่งเกี่ยววุ่นวายในกิจการของสงฆ์ อย่าเข้าไปสอดแทรกหรือแทรกแทรงเรื่องภายในวัด อย่าเข้าไปปลุกระดมให้พระเณรแตกสามัคคีกัน มันจะเป็นสังฆเภททำลายสงฆ์ให้แตกกัน ถ้าเห็นอะไรไม่ดีไม่งามอย่านำไปโพนทนา ให้บอกหรือแจ้งแก่เจ้าอาวาสหรือผู้ปกครองวัด เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขต่อไป อย่าคิดเข้าไปหาเศษหาเลยจากวัด มันบาปกรรมแก่ตัวเองเปล่า ๆ
 ชาวบ้านบางคน พยายามหาเรื่องโจมตีพระเณรอยู่เรื่อย เจ้าอาวาสไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ พระรูปนั้นเสียอย่างนั้นอย่างนี้ ยุยงพระรูปนี้ให้เกลียดชังพระรูปนั้น เรื่องแค่คืบเอาไปพูดเป็นวา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เคยอุปถัมภ์บำรุงวัด ไม่เคยมีอุปการคุณต่อวัด ศีลห้าข้อตัวเองก็รักษาไม่ได้ แต่ชอบวิพากษ์วิจารณ์พระเณรแบบเสีย ๆ หาย ๆ
 พระบางรูปก็ชอบคบหาสมาคมกับคนประเภทนี้เสียด้วยชาวบ้านต้องดูพระเณรให้ถูกให้เป็น ถ้าท่านไม่ทำผิดพระธรรมวินัยถือว่าใช้ได้ อย่าคิดหาบาปแก่ตัวเองเลย วัดกับบ้านจึงไปกันได้ด้วยดี
 ประโยชน์ของวัด
๑. เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถือเป็นหลักสำคัญของพระศาสนาและพระรัตนตรัยนี้แยกกันไม่ได้เมื่อสร้างวัดขึ้นมาแล้ว นิมนต์พระเณรเข้าอยู่ พระเณรมีอยู่ที่ใด พระพุทธ พระธรรม ก็ชื่อว่าอยู่ที่นั่นด้วย การสร้างวัดขึ้นมาจึงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้สถาบันพระพุทธศาสนาเจริญมั่นคง อย่าได้เข้าใจว่าวัดมีมากเกินไป ความจริง เมื่อคิดเป็น
อัตราส่วนกับจำนวนพุทธศาสนิกชนแล้ว ปัจจุบันวัดในประเทศไทยยังมีไม่มาก
 ๒. เพื่อเป็นที่ให้การศึกษาเล่าเรียน ในอดีตนั้น สถานที่ให้การศึกษาเล่าเรียนของไทยมีอยู่ ๒ แห่ง คือ วัดกับวัง วัดเป็นที่ให้การศึกษาเล่าเรียนแก่พลเมืองทั่วไป ดังจะเห็นได้ว่าคนในสมัยโบราณจะอ่านออกเขียนได้ หรือมีความรู้ด้านต่าง ๆ ต้องอาศัยการบวชเรียน โรงเรียนตั้งอยู่ในวัด
 บางทีก็พระภิกษุสามเณรในวัดนั้นเองเป็นครูแม้เวลานี้จะย้ายโรงเรียนออกไปนอกวัด แต่วัดทั่วไปยังมีบทบาทต่อการศึกษาของชาติอยู่ไม่น้อย เช่น มีการจัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม การเทศนาอบรมศีลธรรมแก่ประชาชนประจำ ส่วนในพระราชวังนั้น ส่วนมากให้การศึกษาเล่าเรียนแก่ลูกหลานเจ้านาย
 ๓. เพื่อเป็นศูนย์กลางของชุมชน วัดทั่วไปนอกจากเป็นบุญสถานและปูชนียสถานแล้ว ยังถือว่าเป็นสาธารณสถาน ที่ประชาชนให้ประโยชน์ร่วมกันด้วย โดยเฉพาะวัดในชนบทจัดว่าเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านอย่างแท้จริง คือชาวบ้านจะประชุมอบรมอะไรกัน ก็มักไปประชุมที่วัด ชาวบ้านมักจะได้พบปะสนทนากันในงานทำบุญตามประเพณีที่วัด ทางราชการเวลาออกไปประชุมชาวบ้านเรื่องใด ๆ ก็มักจะใช้สถานที่วัด หน่วยเลือกตั้งระดับต่าง ๆ ก็มักใช้วัด
 ๔. เพื่อเป็นสถานที่อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ข้อนี้เห็นได้ชัดมาก เช่น การก่อสร้างศาสนาวัตถุต่าง ๆ ทางวัดจะพยายามรักษาเอกลักษณ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร อุโบสถ ศาลาการเปรียญ จะทำแบบไทย หรือทรงไทย พวกต่างชาติไปเห็นจะรู้ได้ทันทีว่านี้คือชาวพุทธไทย นอกจากนี้ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ของไทย ได้จากวัดเกือบทั้งนั้น การตั้งโต๊ะหมู่บูชา ศาสนพิธีต่าง ๆ โบราณวัตถุและศิลปวัตถุได้จากวัดทั้งนั้น
 ๕. เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน ข้อนี้อาจจะกล่าวได้ว่า วัดคือสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง ที่มีส่วนให้ความช่วยเหลือแก่สังคมไม่น้อย เช่น ชาวบ้านจะทำบุญให้ทานหรือประกอบกิจกรรมทางศาสนาใด ๆ ก็จะไปขอยืมของเครื่องใช้ไม้สอยจากวัด เริ่มตั้งแต่ ถ้วย จาน เสื่อสาด อาสนะ กระโถน กาน้ำ พระพุทธรูป โต๊ะหมู่บูชา และอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งปกติทางวัดจะให้ยืมฟรี ๆ
 ที่สำคัญที่สุดคือเป็นที่พึ่งทางจิตใจ เวลาชาวบ้านมีความไม่สบายใจ หรือ มีความทุกข์ร้อนในทางจิตใจ มักจะเข้าไปวัดไปกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปบ้าง ไปหาความสงบใจบ้าง ไปปรึกษาหารือรับคำแนะนำสั่งสอนจากพระสงฆ์บ้าง หรือ ไปทำบุญให้ทานรักษาศีล ฟังเทศน์ จิตใจจะได้สงบสุข คลายความทุกข์ทางใจลงไปหรือ หักห้ามจิตใจไว้ได้ และในที่สุดเวลาตายก็เอาไปเผาที่วัด เหลือแต่กระดูกก็ยังพึ่งวัดเลย
 วัดจะดีมีหลักฐานเพราะบ้านช่วย บ้านจะสวยเพราะมีวัดดัดนิสัยบ้านกับวัดผลัดกันช่วยอวยชัย ถ้าขัดกันก็บรรลัยทั้งสองทาง ฯ
 ไวยาวัจกรเป็นผู้แทนเจ้าอาวาส
หน้าต่างศาสนา
     กฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนไวยาวัจกรให้คำจำกัดความ ไวยาวัจกรหมายถึง คฤหัสถ์ผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่เบิกจ่ายนิตยภัตและมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ
 การแต่งตั้งไวยาวัจกรของวัด (คนเดียว หรือหลายคนแล้วแต่ความเหมาะสม) เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดนั้นปรึกษาสงฆ์ในวัดพิจารณาคัดเลือกคฤหัสถ์ที่มีคุณสมบัติสมควรแก่ฐานะ เช่น เป็นชาย อายุ 25 ปี ขึ้นไป ประพฤติตนเป็นที่น่านับถือ เป็นต้น เมื่อพิจารณาเลือกผู้ใดแล้วก็ให้เจ้าอาวาสแต่งตั้งคฤหัสถ์ผู้นั้นเป็นไวยาวัจกร โดยอนุมัติของเจ้าคณะอำเภอ
 คฤหัสถ์ผู้ใดได้รับแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกรย่อมมีหน้าที่ในการเบิกจ่ายนิตยภัตประการหนึ่ง และมีหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสืออีกประการหนึ่ง นอกจากนี้ไวยาวัจกรยังเป็น ตัวแทนหรือ ผู้แทนของวัดในการจัดการทรัพย์สินของวัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

 อีกทั้งยังมีฐานะเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา จึงได้รับการคุ้มครองและควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและถ้าหากเจ้าพนักงานกระทำความผิดเสียเอง หรือเป็นใจให้มีการทุจริตย่อมต้องถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญาเช่นกัน
 การปฏิบัติหน้าที่ของไวยาวัจกร
     ต้องมีหนังสือมอบหมายของเจ้าอาวาสเป็นหลักฐาน เพื่อมิให้มีการแอบอ้าง และปฏิเสธความรับผิดชอบต่างๆ อย่างเช่นการจัดการทรัพย์สินของวัด ทั้งนี้เพราะว่าทรัพย์สินของวัดมีมากมายหลายชนิด การจัดการต้องเกี่ยวข้องทั้งทางโลกทางธรรม
 บางอย่างมีผลประโยชน์ทรัพย์สินเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าอาวาสจะลงมือจัดการเองดูไม่เหมาะสมกับสมณเพศจำต้องมีหนังสือมอบหมายให้ไวยาวัจกรดำเนินการแทน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง  กฎกระทรวง นั้นออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2535
 บังคับให้เจ้าอาวาสจัดให้ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้งทำบัญชีรับจ่ายเงินของวัด และเมื่อสิ้นปีปฏิทินให้ทำบัญชีเงินรับจ่ายและคงเหลือ ทั้งนี้ให้เจ้าอาวาสตรวจตราดูแลให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและถูกต้อง การได้ทรัพย์สินมาเป็นศาสนสมบัติของวัด ให้ลงทะเบียนทรัพย์สินของวัดไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อต้องจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้จำหน่ายออกจากทะเบียนนั้น โดยระบุเหตุการณ์จำหน่ายไว้ด้วย
 พูดถึงเรื่องการจัดทำบัญชีของวัด ยังมีวัดอีกหลายๆ วัดไม่มีการจัดทำบัญชีเอาไว้ บางท่านก็ว่าไม่มีความรู้เรื่องการบัญชีจึงไม่ได้ทำ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2511) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งหากวัดใดไม่มีความรู้เรื่องการทำบัญชี
 สามารถร้องขอเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมาช่วยท่านได้ เจ้าอาวาสวัดไม่อยากจัดทำบัญชีศาสนสมบัติของวัด เกรงว่าจัดทำแล้วจะมีคนนอกมารู้เห็นทรัพย์สินของวัด ถือเป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก ถ้าหากทรัพย์สินของวัดถูกโจรกรรมหรือสูญหาย ย่อมไม่สามารถตรวจสอบ
 เพราะว่าไม่มีบัญชีแสดงทรัพย์สินเอาไว้ อีกอย่างเมื่อท่านแต่งตั้งไวยาวัจกรแล้วก็ใช้ให้เหมาะสมกับหน้าที่ ไวยาวัจกรบางวัดเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีลูกน้องเก่าที่เก่งบัญชี หรือไวยาวัจกรนั้นมีศักยภาพในการบริหารจัดการเรื่องการทำบัญชีจึงถือว่าง่ายมาก
 การประชุมไวยาวัจกรของคณะสงฆ์
     เป็นเรื่องสำคัญที่สมควรดำเนินการอย่างน้อยปีละครั้งหรือสองปีครั้ง การประชุมกันบ่อยๆ จะทำให้รู้เท่าทันสถานการณ์ ได้รับทราบกฎระเบียบใหม่ๆ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของไวยาวัจกร เป็นการย้ำหน้าที่ให้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น ไวยาวัจกรคือบุคลากรของวัดที่เจ้าอาวาสแต่งตั้งเป็นผู้แทนหรือเป็นตัวแทนของวัด 
 แต่มิใช่ว่าไวยาวัจกรมีอำนาจหน้าที่เหนือกว่าเจ้าอาวาส ก็เมื่อเจ้าอาวาสรูปนั้นมรณภาพถือว่าไวยาวัจกรที่เจ้าอาวาสรูปนั้นแต่งตั้งก็พ้นจากตำแหน่งไวยาวัจกรทันที เจ้าอาวาสรูปใหม่อาจจะแต่งตั้งผู้อื่นเป็นไวยาวัจกรก็เป็นได้ ทราบข่าวว่าคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีจะจัดประชุมไวยาวัจกรราวๆต้นปีหน้า จึงเป็นที่ น่ายินดีที่คณะสงฆ์เห็นความสำคัญของไวยาวัจกร พร้อมกับการสนับสนุนเป็นอย่างดี น่าอนุโมทนาครับ
พระเดชพระคุณพระเทพเมธี รองเจ้าคณะภาค ๙
ประธานที่ประชุมพระสังฆาธิการ
หน่วยที่ ๔ วัดคูเมือง ตำบลคูเมือง อำเภอเมืองสรวง
จังหวัดร้อยเอ็ด
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
พระประธานเด่นสง่า
นายประวีณ แจ่มศักดิ์ นายอำเภอเมืองสรวง (นั่งกลาง)
พร้อมด้วยคณะ
บรรยากาศที่ประชุม
พระครูอุบลเขมาภรณ์ รองเจ้าคณะอำเภออาจสามารถ
พระครูเกษมบุญญาทร เจ้าอาวาสวัดศรีสุริยาป่ายาง
อำเภอเมืองสรวง
พระครูปริยัติธรรมกิจ เจ้าคณะอำเภอเมืองสรวง
วัดใต้สูงยาง ตำบลคูเมือง อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด
จัดเตรียมความพร้อมโดยพระมหาอุดร ธมฺมปญฺโญ
รองเจ้าคณะอำเภอเมืองร้อยเอ็ด
เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
ร่วมถวายสร้างเจดีย์ธรรมโสภณ
นางถนอม คำชาย
ร่วมถวายค่าภัตตาหารประสังฆาธิการ และไวยาวัจกร
ผู้เข้าร่วมประชุม





พระครูสุตกิจวิมล เจ้าคณะอำเภอสุวรรณภูมิ
เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
นายประวีณ แจ่มศักดิ์ นายอำเภอเมืองสรวง
กล่าวต้อนร้บ

                      นายสมเดช มลาขันธ์
                        นักวิชาการศาสนา
           สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด
                         พระพุทธิสารมุนี
                      เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
ลงนามการดำเนินงานมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย
                        ห้องเรียนร้อยเอ็ด
                          พระพุทธิสารมุนี
                      เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
แบ่งทำไม
                   แบ่งพวก               ทำให้เสียรัก
                   แบ่งพรรค             ทำให้เสียสามัคคี
                   แบ่งทั้งพวกทั้งพรรค       เสียทั้ง

                   ความรักและความสามัคคี
พระครูปริยัติธรรมกิจ
เจ้าคณะอำเภอเมืองสรวง
พระครูสุตกิจวิมล
เจ้าคณะอำเภอสุวรรณภูมิ
เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
พระครูอุบลเขมาภรณ์
รองเจ้าคณะอำเภออาจสามารถ
พร้อมด้วยคณะสงฆ์อำเภออาจสามารถ
พระครูนันทสีลาภรณ์
เจ้าคณะอำเภอหนองฮี
พร้อมด้วยคณะสงฆ์อำเภอหนองฮี
หลอก   หลอก   หลอก
                                                 เราอาจหลอกคนได้   บางคน
                                                 เราอาจหลอกคนได้   บางครั้ง
                                                 เราอาจหลอกคนบางคนได้    ทุกครั้ง
                                                แต่เราไม่อาจหลอกคนทุกคนได้   ทุกครั้ง
                                                ความหายนะของชีวีต   คือ
                                                แม้เราเริ่มหลอกแม้กระทั่งตัวเอง
รู้  4   อย่าง
รู้เรี่อง
รู้สึก
รู้สำนึก
รู้กระทำ
กระบวนการฝึกอบรม
*     ละลายพฤติกรรมมนุษย์
*     จุดประกายความคิด
*     สะกิดความรู้สึก
*     ปลูกสำนึกคุณธรรม

*     นำสู่คุณภาพชีวิต
                         พระศรีสุทธิเวที
                  เลขานุการรองเจ้าคณะภาค ๙
             องค์บรรยายถวายความรู้พระสังฆาธิการ
                          และไวยาวัจกร
ผู้ฟังชอบอะไร
        รูปัปปมาณิกา                     ชอบรูปร่าง
     โฆสัปปมาณิกา                    ชอบเสียง
                   ลูขัปปมาณิกา                  ชอบการแต่งกาย

        ธัมมัปปมาณิกา                  ชอบสาระ
IRIS เส้นทางผู้นำ 
                       สวย     ด้วยจรรยามารยาท
       งาม     ด้วยธรรมชาติมีน้ำใจไว้ศักดิ์ศรี
                ดี            ด้วยคุณธรรมนำให้ดี

 สามสิ่งนี้เป็นคุณสมบัติที่ชัดเจน
คนไม่ดี 9 ชนิด
1.         โดดเดี่ยว  
2.          ดื้อยา
3.         กบในกะลา
4.         น้ำชาล้นถ้วย
5.         ป่วยแล้วไม่รักษา
6.         แสวงหาแต่ประโยชน์ตน
7.         มองคนในแง่ร้าย
8.         ใจกายไม่สะอาด
9.         เป็นทาสอบายมุข
พระเดชพระคุณพระเทพเมธี
รองเจ้าคณะภาค ๙
มีเมตตาเดินทางร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเป็นศิริมงคล
(ต้นจำปี)
เตรียมความพร้อม
สติคุม
เป็นคนดี   จะต้องมี    ซึ่งสติ
จะดำริ       ก็ต้องมี      สติมั่น
จะพูดจา    ก็ต้องมี      สติทัน
จะทำนั่น    ทำนี่          สติคุม
เติบโต
ให้เธอเติบโตด้วยความกล้า
ก้าวไปข้างหน้าฝ่าพงหนาม
ดวงใจมิหยุดพยายาม
กล้าจักเดินตามหนทางตน
ให้เธอเติบดตด้วยความคิด
เรียนรู้ชีวิตทุกแห่งหน
ตรองด้วยปัญญาอันแยบยล
รู้คิด รู้ค้น รู้ตนเอง
ที่สำคัญคือ
      การชนะใจตนเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
อตฺตา        หเว   ชิตฺ    เสยโย
ชนะตนนี้แลดีกว่า
เกิดมาทั้งที
จงเอาดีให้ได้
จะตายทั้งที
จงฝากดีเอาไว้
ประตูสู่ความสำเร็จ
มนุษย์สัมพันธ์ดี
รับผิดชอบต่อหน้าที่เชื่อมั่น
ความคิดสร้างสรรค์
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
อดทนเสียสละ
อารมณ์ร่าเริงแจ่มใส
มีความรักให้
ซื่อสัตย์
รับฟังความคิดเห็น
จงดูธรรมชาติเถิด
ธรรมชาติทำงานอยู่ตลอดเวลา
ไม่หยุดเลยแม้สักชั่วขณะหนึ่ง
แต่ธรรมชาติก็ไม่พูดเลย
ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้
จะมีอะไรน่าเสียใจไปยิ่งกว่า…..
การเสียเวลาไปทั้งวัน
โดยตัวท่าน
ไม่ได้ทำอะไรเลย
อันลิงค่างกลางป่าจับมามัด
สารพัดฝึกได้ดังใจหมาย
เกิดเป็นคนควรฝึกหัดดัดใจกาย
ถ้าฝึกตนไม่ได้ก็อายลิง
ชีวิต
อุปมาประดุจเทียนเล่มน้อยนี้
ซึ่งพร้อมที่จะส่องแสงทุกแห่งหน
ถึงแม้ว่าจะต้องคร่าชีวิตตน
ขอเพียงคนอื่นสุขกันเท่านั้นพอ
เพื่อนเอย…..จงพยายามอีกนิด
ความสำเร็จกำลังรอท่านอยู่
สามัคคีรักกันฉันท์พี่น้อง
เรื่องมัวหมองข้องใจไม่ถือสา
ให้อภัยยกโทษไม่โกรธา
ต่างเมตตารักกันไม่ฟั่นเฟือน
        แม้ผิดบ่างพลั้งหน่อยอย่าพลอยซ้ำ
        ให้ระกำช้ำจิตคิดเหหัน
        ควรผ่อนสั้น ผ่อนยาวเข้าหากัน
        ความผูกพันฉันท์น้องพี่นี้ดีเอย
วิถีชีวิต
การผ่านการพบการหลบเลี่ยง      
มิใช่เป็นเพียงแค่ความเคลื่อนไหว
จากก้าวทุกก้าวที่ยาวไกล
การเป็นวัยเป็นวิถีแห่งชีวิต
ปวดร้าวทนทุกข์สนุกสนาน
มีการก้าวถูกและก้าวผิด
ต้องการดวงเทียนและเข็มทิศ
เพื่อพิชิตทางชัยในชีวี
ต้องมีความรู้คู่ความคิด
เป็นเข็มทิศดวงเทียนส่องวิถี
ต้องมีความรู้คู่ความดี

เพื่อชีพนี้มีค่าและงดงาม
พระเดชพระคุณพระเทพเมธี
รองเจ้าคณะภาค ๙
พร้อมด้วยคณะ
มีเมตตาเดินทางร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเป็นศิริมงคล
(ต้นจำปี)
คิดก่อนทำ
คิดก่อนจึงค่อยทำจงจำไว้

ทำอะไรต้องคิดทั้งหน้าหลัง

อย่าปล่อยตัวให้ทำตามลำพัง
ต้องเอาใจใส่เหนี่ยวรั้งทุกครั้งไป
ก่อนจะทำสิ่งใดใจต้องคิด
ถูกหรือผิดทำอย่างนี้ดีหรือไม่
ถ้าหากเห็นว่าไม่ดีอย่าทำไป
จงหาทางทำใหม่ทำให้ดี
คตินักพัฒนา
จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน
จะกินต้องเตรียมอาหาร
จะพัฒนาการต้องเตรียมประชาชน
จะพัฒนาคนต้องเตรียมที่จิตใจ
จะพัฒนาใครเขาต้องพัฒนาที่ตัวเราก่อน
อยู่อย่างไร
·    อยู่อย่างสัตว์นรก
·    อยู่อย่างอสูรกาย
·    อยู่อย่างเปรต
·    อยู่อย่างสัตว์เดรัจฉาน
·    อยู่อย่างมนุษย์
·    อยู่อย่างเทพ พรหม
·     อยู่อย่างพระอริยะ
         คนทำงานพัฒนางาน                                                  
ทำงานด้วยความหลง                                   =  นรก
ทำงานด้วยความโลภ                                   =  เปรต
ทำงานด้วยความกลัว                                   =  อสูรกาย
ทำงานด้วยการบังคับ                                   =  เดรัจฉาน
ทำงานด้วยหน้าที่                                         =  มนุษย์

ทำงานด้วยความดี                                       =  อริยบุคคล
ศิษย์ ชนิด
        . หัวไวใจสู้                    - บัวพ้นน้ำ
          . รอดูจังหวะ                 - บัวปริ่มน้ำ
          . พอจะแนะนำ              - บัวในน้ำ
          . ต้อยต่ำจำยอม            - บัวติดตม
( บัว เหล่า )
รักโรงเรียนเหมือนบ้าน
รักงานสอนเหมือนชีวิต
รักลูกศิษย์เหมือนลูกจริง
วิธีการสอน
        . ชี้หลัก     - สันทัสฺสนา - วิชาการ
          . ชักชวน   - สมาทปนา - พิธีกรรม
          . ปลุกใจ   - สมุตฺเตชนา         - เกม
          . ให้เพลิน  - สัมฺปหังสนา        - เพลง
( . )
. รู้จักเลือกที่สอน
          . รุ้จักเลือกอุปกรณ์
          . รู้จักเลือกคนสอน
          . รู้จักเลือกเรื่องสอน
ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน 
ปลูกไม้ร่วมต้น สร้างกุศลร่วมกัน
พระเดชพระคุณพระเทพเมธี
รองเจ้าคณะภาค ๙
มีเมตตาเดินทางร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเป็นศิริมงคล
(ต้นจำปี)
                                                       ( สบาย )

หลักการสอน
        . ปริยัติ             สอนให้รู้จัก
          . ปฏิบัติ           สอนให้รู้จริง
          . ปฏิเวธ           สอนให้รู้แจ้ง

( เป้าหมาย )
ก้าวต่อไป
                ก้าวต่อไปต่อไปอย่าได้หยุด
แม้สะดุดล้มลงไปอย่าใจฝ่อ
เป็นนักสู้ต้องสู้สิอย่ารีรอ
อย่าย่อท้อหนทางยาวที่ก้าวไป
โน่นจุดหมายปลายทางอยู่ข้างหน้า
จะเหินฟ้าข้ามเขาเอาให้ได้
มิหวั่นพลาดมิหวาดแพ้มิแคร์ภัย
มิหวั่นใจมิหวั่นจิตสักนิดเดียว
ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
                   ไม่มีอะไรที่น่าเสียใจไปยิ่งกว่า
                   การเสียเวลาไปทั้งวัน
                   โดยตัวท่าน
                   ไม่ได้ทำอะไรเลย
อย่าอย่าอย่า
                อย่าคิดว่าตัวท่านนั้นอ่อนแอ
                   หรือคิดแต่ท้อแท้และแพ้พ่าย
                   จงคิดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยไป
                   แกร่งทั้งกายและจิตใจไม่พรั่นพรึง
                   อย่าร้อนรนค้นหาความลำบาก
                   จนกว่าความทุกย์ยากจะมาถึง
                   ถ้าวิตกทุกข์ร้อนนอนรำพึง
                   เมื่อทุกข์ถึงทุกข์ทับทวีคุณ
                   อย่าแบกโลกเอาไว้ให้หนักบ่า
                   อย่ากลัวว่าอนาคตไม่สดใส
                   อยู่ให้สุขแต่ละวันผันผ่านไป
                   เก็บแรงใจไว้แก้ไขเมื่อภัยมา
                             นำตน  นำคน  นำงาน
                             พัฒนาการ  สังคม  เศรษฐกิจ
                             ทำอะไร  อย่าให้หลงผิด 
                             สำคัญที่จิตต้องมีคุณธรรม  ( ซ้ำ )
                             ครองตน  ครองคน  ครองงาน
การฟังที่ฉลาด
u
อย่าพึ่งเชื่อ
u
อย่าปฏิเสธ
u
จดจำ
u
ศึกษา  ,   ค้นคว้า
u
หาข้อมูล  ,  เหตุผล
u
ปฏิบัติ  ,  ทดลอง
u
จนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
เมืองเถื่อน
เมืองใดไม่มีทหารหาญ เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา             เมืองนั้นไม่ช้าอับจน
เมืองใดไม่มีพาณิชย์เลิศ       เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน
เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ           เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว             เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม               เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ         เมืองนั้นไม่เพริดพิศมัย
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ            เมืองนั้นบรรลัยแน่เอย
เราจะรู้ว่าโลกใบนี้ มันกว้างใหญ่ . . . . ก็ต่อเมื่อได้ "ออกเดินทาง"
เราจะรู้คุณค่า ของอะไรในสักอย่าง . . ก็ต่อเมื่อได้ "เสียมันไป"
เราจะรู้ความหมายของฟ้าหลังฝน . . . ก็ต่อเมื่อ "ผ่านพ้นมันมาได้"
เราจะรู้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมาย . . . ก็ต่อเมื่อ "เปิดใจ" ยอมรับมัน
เราจะรู้ว่าในหนังสือเล่มนั้นมีอะไร . . . ก็ต่อเมื่อได้ "ลองเปิดอ่าน"
เราจะรู้ เวลาของดอกไม้บาน . . . . . . ก็ต่อเมื่อ เฝ้าตาม อยู่อย่างนั้น
เราจะรู้ว่าเสียงหัวเราะ มีค่าแค่ไหน . . . ก็ต่อเมื่อ "เสียน้ำตา" ในสักวัน
เราจะรู้ถึงความในใจ ของกันและกัน . . ก็ต่อเมื่อได้ "พูดมันออกไป"
คำคมของครูบาอาจารย์
หลวง ปู่ทวด วัดช้างให้

พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์” “ทำเหตุในปัจจุบันดี ผลในอนาคตย่อมต้องดี
สมเด็จพุฒาจารย์ (โต)
เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้าน เต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย

ละ อยู่ที่กาย ที่ใจตนนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น การหอบอดีต และอนาคตมาหมัก สุมไว้ในใจ ก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ผู้อื่นไม่ได้ทำจิตของเราเศร้าหมอง หรือ ผ่องแผ้ว เราเองเป็นผู้ทำให้ จิตของตนเศร้าหมอง ผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น
หลวงปู่ขาว อนาลโย

พูดให้เขารักยาก นักหนา พูดให้เขาด่าว่าง่ายนิดเดียว” 
พระอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม

คนที่ตายไปแล้ว หากคนที่มีชีวิตอยู่ เขาสามารถจดจำได้ และคิดถึงอยู่ ผู้นั้นได้ชื่อว่าไม่ตาย แต่คนที่มีชีวิตอยู่ กลับไม่มีใครกล่าวถึง หรือ คิดถึงเลย นั่นคือผู้ตายไปแล้ว
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ

ทุกข์เพราะเกิดดับมันมีอยู่ แล้ว เอาราคะ โลภะ โทสะ โมหะมาเพิ่ม ….. ยิ่งทุกข์ใหญ่
หลวง ปู่บุดดา ถาวโร

คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็ไม่เข้าถึงใจคน จึงกลายเป็นคนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ แม้คนจะมีจำนวนมาก และแสดงธรรมให้ฟังทั้ง พระไตรปิฏก จึงเป็นเหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ ธรรมจึงไม่มีความหมายในใจของคน เหมือนน้ำไม่มีความหมายบนหลังหมา ฉันนั้น
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ผู้ปฎิบัติธรรม ตั้งตนอยู่ในกรอบแห่งศีลแล้ว ก็ย่อมไม่ต้องเดือดร้อน เพราะศีลของตน ยังบุคคลผู้มั่นในศีลให้พ้นจากทุกข์โทษ เวรภัยทั้งปวง ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหลวง
องค์กรสนับสนุน
อภินันทนาการจากน้ำใจเทศบาลตำบลคูเมือง
พ่อแพ วัดพิกุลทอง

ทุกข์ด้วยอะไร ทุกข์ด้วยมันไม่เที่ยง มีแล้วหามีจริงไม่ เกิดแล้วดับไป นี่มันทุกข์อย่างนี้นะ ทุกข์ด้วยไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั่นเป็นทุกข์
หลวงพ่อสด จันทสโร

ลักษณะของบุญ คือใจเราดี ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบาย เย็นอก เย็นใจ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อนไม่วุ่น ไม่วาย นี่แหละบุญ” หลวง ปู่ฝั้น อาจาโร
อานิสงส์การทำความสะอาดวัด

               การมาวัดช่วยกันทำความสะอาดเสนาสนะ จะได้อานิสงส์คือ ต่อไปผิวพรรณวรรณะจะผ่องใส สวยงาม พวกกระ จุดด่างดำ  ไฝฝ้า หรืออะไรต่าง ๆ ไม่มีสิทธิ์ขึ้นเลยเมื่อจะไปอยู่ที่แห่งหนตำบลใดจะเจอแต่ที่ที่น่ารื่นรมย์สวยงาม ทำให้สบายใจ ทั้งที่ในมนุษย์โลก และที่ในเทวโลก
ขั้นตอนการทำความสะอาด
1. มอบหมายความเป็นเจ้าของพื้นที่

ก่อนที่จะเริ่มต้นทำความสะอาด สิ่งที่สำคัญอันดับแรกก็คือการแบ่งความรับผิดชอบในการทำความสะอาดให้ชัดเจน พื้นที่ต่าง ๆ จะต้องมีผู้รับผิดชอบหากการแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบคลุมเครืออาจทำให้ไม่มีผู้ใดเข้าไปทำความสะอาดได้
2. ศึกษาวิธีการใช้งานอุปกรณ์

ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ผู้ทำความสะอาดจะต้องรู้และเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของอุปกรณ์เป็นอย่างดี เนื่องจากอุปกรณ์บางประเภทอาจมีกลไกหรือมีชิ้นส่วนที่เป็นอีเล็กทรอนิกส์อยู่หากทำความสะอาดโดยไม่มีความรู้ในสิ่งที่กล่าวมา อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
3. กำหนดเวลาทำความสะอาด
ควรกำหนดเวลาในการทำความสะอาดให้เหมาะสมกับองค์กร เนื่องจากสภาพการทำงานของแต่ละองค์กรแตกต่างกัน การกำหนดเวลาทำความสะอาดไม่เหมาะสมอาจทำให้บุคลากรรู้สึกว่าการทำความสะอาดเป็นภาระ และกระทบต่องานปกติที่ทำอยู่ ซึ่งจะทำให้รู้สึกต่อต้านการทำความสะอาดได้ การกำหนดเวลาในการทำความสะอาดส่วนใหญ่มีหลายแบบ ดังนี้
 ก่อนและหลังการใช้งาน

 ก่อนทำงานและหลังเลิกงาน
5 นาที 5
 ชั่วโมง 5ส ประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือน
 วัน 5ส ประจำสัปดาห์ เช่น ศุกร์ 5
 วันทำความสะอาดใหญ่ประจำปี

การกำหนดวันทำความสะอาดใหญ่ประจำปี จุดมุ่งหมายให้พนักงานได้ทำความสะอาดในส่วนที่เวลาปกติ ไม่สามารถทำความสะอาด ได้และอาจต้องใช้เวลามาก คณะกรรมการ 5ส จะต้องสื่อสารให้บุคลากรเข้าใจวัตถุประสงค์ ของการทำความสะอาดใหญ่ประจำปี ไม่เช่นนั้น บุคลากรอาจจะคิดไปว่าการทำความสะอาดจะต้องทำแค่ในวันทำความ สะอาดใหญ่เท่านั้น
สว่างตาด้วยแสงไฟ สว่างด้วยแสงธรรม
4. กำหนดรายละเอียดของการทำความสะอาด
ในการทำความสะอาด ไม่ควรปล่อยให้บุคลากรทำกันเองโดยไม่มีการแนะนำเนื่องจากบุคลากรอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์และ ทำให้ อุปกรณ์ เสียหายได้ จุดต่าง ๆ ที่ต้องทำความสะอาดจะต้องระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้บุคลากรทำความสะอาดได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
5. ใช้อุปกรณ์และวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง

หัวหน้างาน หรือหัวหน้าพื้นที่ จะต้องสอนให้บุคลากรใช้อุปกรณ์ในการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้มีความ แตกต่างกัน ทั้งโครงสร้างกลไก ระบบไฟฟ้า บุคลากรจะต้องทราบสิ่งเหล่านี้เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้อย่างถูกต้อง ระมัดระวังไม่ให้ถูกน้ำ เพราะอาจจะทำให้เกิดการช๊อตได้ หรือการห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดในบริเวณที่ใช้ไม่ได้ เช่น ห้ามใช้ทินเนอร์ลบกระดานไวท์บอร์ด เป็นต้น
6. ทำความสะอาดทุกวันจนเป็นนิสัย

หากบุคลากรทำความสะอาดอยู่ทุกวัน แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นอาจทำเพราะได้รับคำสั่งจากหัวหน้างาน แต่หากมีการทำความสะอาด อยู่ทุกวันแล้ว บุคลากรก็จะเคยชินกับการทำความสะอาด จนในที่สุดบุคลากรก็จะทำความสะอาดาจนเป็นนิสัย
สิ่งที่จะได้รับจากการทำ (ส) สะอาด มีดังนี้
 ทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานดี บรรยากาศในการทำงานดี บุคลากรมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น
 หากเริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ก็จะสามารถทราบได้อย่างรวดเร็ว
 อายุการใช้งานของครุภัณฑ์ยาวนานขึ้น เนื่องจากเมื่อพบสิ่งผิดปกติเพียงเล็กน้อย จะแก้ไขได้ก่อนที่จะลุกลามบานปลาย
 ประสิทธิภาพของครุภัณฑ์ดีขึ้น
 บุคลากรรู้สึกเป็นเจ้าของหน่วยงาน

 ผู้มารับบริการที่มาเยี่ยมชม มีความเชื่อถือต่อองค์กรเพิ่มมากขึ้น
หัวใจของ ส สะอาด
การทำความสะอาดเป็นการตรวจสอบ
หัวใจของ ส สะอาด

การทำความสะอาดเป็นการตรวจสอบ
             ชีวิตแท้ งามงด และสดชื่น
            ไม่มีฝืน ไม่มีหวั่น ไม่สั่นเสียว
            ไม่มีสิ่ง หลงรัก สักสิ่งเดียว
            ไม่มีจิต เกาะเกี่ยว ทั้งบาปบุญ
           ทรัพย์ในเรือน เป็นเหมือน ของเกลื่อนกลาด
            ที่เป็นบาป เก็บกวาด ทิ้งใต้ถุน
            ที่เป็นบุญ มีไว้ เพียงเจือจุน
            ให้เป็นคุณ สะดวกดาย คล้ายรถเรือ
            ไม่ยึดมั่น สิ่งใด เอาใจแบก
            กลัวตายแตก ใจประหวั่น จนฟั่นเฝือ
            เบาทั้งกาย เบาทั้งใจ ไม่มีเบือ
            ชีวิตเหลือ แต่ความเย็น เป็นนิพพานฯ
พระครูปริยัติธรรมกิจ เจ้าคณะอำเภอเมืองสรวง
กล่าวนำอนุโมทนากถา
           ชีวิตแท้ งามงด และสดชื่น
            ไม่มีฝืน ไม่มีหวั่น ไม่สั่นเสียว
            ไม่มีสิ่ง หลงรัก สักสิ่งเดียว
            ไม่มีจิต เกาะเกี่ยว ทั้งบาปบุญ
            ทรัพย์ในเรือน เป็นเหมือน ของเกลื่อนกลาด
            ที่เป็นบาป เก็บกวาด ทิ้งใต้ถุน
            ที่เป็นบุญ มีไว้ เพียงเจือจุน
            ให้เป็นคุณ สะดวกดาย คล้ายรถเรือ
            ไม่ยึดมั่น สิ่งใด เอาใจแบก
            กลัวตายแตก ใจประหวั่น จนฟั่นเฝือ
            เบาทั้งกาย เบาทั้งใจ ไม่มีเบือ
            ชีวิตเหลือ แต่ความเย็น เป็นนิพพานฯ
บรรยากาศที่ประชุม
หน้าที่ของคน
            หน้าที่ หนึ่ง ในฐานะ เป็นมนุษย์
            ต้องได้สิ่ง สูงสุด ก่อนเป็นผี
            ตามที่คน ควรจะได้ อย่างไรดี
            ไม่เสียที ที่เกิดมา ประสาคนฯ
            หน้าที่ สอง ในฐานะ เพื่อนมนุษย์
            ต้องช่วยกัน สูงสุด หยุดฉ้อฉล
            ไม่ช่วงชิง ประโยชน์ใคร มาใส่ตน
            มุ่งเอาผล มีเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายฯ
           หน้าที่ สาม ตามฐานะ พล (ละ) โลก
            ต้องช่วยกัน ดับโศก แห่งโลกหาย
            ทำโลกนี้ ให้น่าอยู่ ดูสบาย
            มีความหมาย โลกมนุษย์ สุดงามงดฯ
            หน้าที่คน คนหนึ่ง มีถึงสาม พยายาม ทำให้เข้ม เต็มกำหนด
            ให้เสร็จสิ้น ก่อนตาย ให้เรืองยศ ได้ปรากฏ เป็นมนุษย์ 
           ยอดสุดเอยฯ
พระครูปริยัติธรรมโสภณ
รองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
วัดยางเครือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ร่วมฉันภัตตาหารเพล
ด้วยความต้อนรับจากคณะสงฆ์อำเภอเมืองสรวง
ศรัทธาสาธุชนชาวอำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด
การรู้ใช้ธรรม
           เมื่อสู้รบ กับศัตรู สู้ด้วยธรรม
           จะปลุกปล้ำ กันเท่าไร ไม่เสียหลาย
           ถ้าสู้กัน อย่างนี้ ไม่มีตาย
           ในสุดท้าย จะปรองดอง คล้องใจกัน
           เมื่อป้องกัน ศัตรู รู้ใช้ธรรม
           เป็นกำแพง เพชรล้ำ เลิศมหันต์
           ป้องกันได้ สารพัด น่าอัศจรรย์
           ป้อมค่ายมั่น กว่าสิ่งใด ในโลกคน

           เมื่อหลบซ่อน จากศัตรู อยู่กับธรรม
           ไม่ระกำ ทุกข์เห็น สักเส้นขน
           ช่วยปลุกปลอบ ชื่นชอบ ฉ่ำกมล
           ขอทุกคน จงมีธรรม ประจำตัวฯ
ติ-ติง-เตือน-ต้าน
            รู้จักติ คนเขาตริ ตามเราตรึก
            ติเพื่อก่อ คนเขานึก เป็นมิ่งขวัญ
            รู้จักติง คนจึงกริ่ง เกรงใจกัน
            ติงให้ทัน แก่เวลา มีค่าแรง
            รู้จักเตือน คนไม่เบือน ใบหน้าหนี
            เตือนอย่างดี สามัคคี ยิ่งเข้มแข็ง
            รู้จักต้าน ให้ปลอดภัย เขาไม่แย้ง
            จะยิ้มแฉ่ง เข้าหากัน ฉันเพื่อนตาย
            แต่เดี๋ยวนี้ ติ-ติง เพื่อตัวเอง
            ซ้ำอวดเบ่ง ย่ำยี บี้สหาย
            เตือน-ต้าน-โต้ ด้วยโมหันธ์ ฉันสัตว์ร้าย
            ยิ่งวอดวาย ไปด้วยกัน ทุกวันแลฯ
              พุทธศาสนสุภาษิต
การเรียนรู้ในพุทธสุภาษิต                 สุจริตน้อมนำธรรมวิสัย
ปฏิบัติด้วยกายวาจาใจ                               ยังผลให้สุขกายสบายองค์
สุขา -  ย่อมร่มเย็นเป็นสัจจะ              สงฺฆสฺส รวมอยู่เป็นหมู่สงฆ์
สามคฺคี -  มีธรรมย่อมดำรง                         พุทธองค์ตรัสไว้ให้ทำตาม
          สามัคคีดีเลิศเกิดตรงไหน                  เธอจำไว้เกิดตรงที่องค์สาม
เกิดแต่ใจ วาจา และกายตาม                        จึงงดงามเนืองนิตย์โปรดคิดเอา
          คนจะดีดีที่ใจใช่ใบหน้า                   ไม่อิจฉาขุ่นข้องปองร้ายเขา
เห็นส่วนรวมก่อนกว่าของตัวเรา                   ใจไม่เอาเปรียบใครในสังคม
          ไม่โลภโมโทสันคิดปั้นแต่ง               ให้กินแหนงแคลงใจใครขื่นขม
ใครทำดีมีใจไว้ชื่นชม                                คอยอบรมใจตนเป็นคนดี
          สองพูดดีมีวาจาสุภาษิต                    สุจริตน่ารักมีศักดิ์ศรี
มีสัจจะพูดนำคำสุนทรี                               เป็นผู้ที่คนเลื่อมใสในวาจา
          พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ              ผรุสะเงื่อนงำคำมุสา
พูดยุแยงแสลงใจในหูตา                            ผิดจรรยาคนดีศรีสังคม
          สามเรื่องกายถวายตนเสียสละ            ให้พละกิจเฉพาะตามเหมาะสม
พัฒนาร่วมด้วยช่วยติ ชม                         เพื่ออุดมสมใจในเนื้องาน
          ไม่เกะกะระรานพาลคนอื่น               ไม่แข็งขืนศีลธรรมกำลังหาญ
ไม่อวดเก่งเป็นนักเลงอันธพาล                     สมัครสมานรู้รักสามัคคี
          กายวจีใจดีเป็นศรีศักดิ์                     มีคนรักถือว่าเป็นราศี
เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นความดี               ไม่หลีกหนีเอาแต่การงานของตน       
รักษากาย วาจา ใจ ให้ดีพร้อม            ความสุขย่อมเป็นไปให้เกิดผล
งานสำเร็จลงได้ในบัดดล                            ขอทุกคนสามัคคีมีวินัย
          สามัคคีมีนัยแผ่ไปทั่ว                      ทั้งครอบครัวแดนดินถิ่นอาศัย
รวมทั้งชาติศาสน์ กษัตริย์ รัฐชัย                   สุขยิ่งใหญ่ไทยรู้รักสามัคคี

..................................................................................
“คติธรรม คำคม”
ถ้าหมั่นเรียน  เรียนอะไรก็ต้องรู้
ถ้าหมั่นดู    ดูอะไรก็ต้องเห็น
ถ้าหมั่นทำ  ทำอะไรก็ต้องเป็น
ถ้าไม่เล่นหมั่นทำ จักจำเริญ
                        ถ้าคร้านเรียน  เรียนอะไรก็ไม่รู้
                        ถ้าคร้านดู  ดูอะไรก็ไม่เห็น
                        ถ้าคร้านทำ  ทำอะไรก็ไม่เป็น
                        ต้องลำเค็ญ เป็นขอทาน เพราะคร้าน เอย ฯ
อนุโมทนาบุญ



























* บันไดสู่ความเป็นดาว *
·    เตรียมให้พร้อม
·    ฝึกซ้อมให้ดี
·    ท่าทีให้สง่า
·    หน้าตาให้สุขุม
·    ทักที่ประชุมอย่าวกวน
·    เริ่มต้นให้โน้มน้าว
·    เรื่องราวให้กระชับ
·    ตาจับที่ผู้ฟัง
·    เสียงดังแต่พอดี
·    อย่ามีเอ้ออ้า
·    ดูเวลาพอครบ
·    สรุปจบให้จับใจ
·    ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดการพูด

                                 ผู้นำ

                   นำรู้  นำทำ  นำคิด  คือชีวิตของเราผู้นำ
                   นำรู้  นำคิด  นำทำ    จะเป็นผู้นำต้องจำเอาไปคิด
จน อย่าง
                . จนตรอกไม่มีทางไป
                   . จนใจไม่มีทางคิด
                   . จนแต้มไม่มีทางเดิน
                   . จนมุมไม่มีทางหนี
ผู้ชนะที่แท้จริง
                ผู้ที่ชนะคนอื่นเป็น    ในสงคราม
                   ไม่จัดว่าเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
                   แต่ผู้ที่ชนะ  (ใจตนเองได้
                   นับว่าเป็นผู้ชนะสงครามที่ยอดเยี่ยม
เราจะทำในสิ่งที่ผู้อื่น              
เราจะอดทนในสิ่งที่ผู้อื่น         ทำได้ยาก
เราจะสละในสิ่งที่ผู้อื่น             สละได้ยาก 
เราจะเอาชนะในสิ่งที่ผู้อื่น       ชนะได้ยากยาก                                         ที่สำคัญคือการชนะ..................ตนเอง
การศึกษา
การศึกษา   เป็นพื้นฐานของชีวิต
  การศึกษา   เน้นความคิดมีเหตุผล
                                                     การศึกษา    พัฒนาค่าของคน
                                                     การศึกษา    เริ่มฝึกฝนคนให้ดี
                                                     การศึกษา   ต้องศึกษาอย่าหยุดยั้ง
                                                    การศึกษา    ต้องปลูกฝังเรื่องศักดิ์ศรี
                                                    การศึกษา    ต้องฝึกใจไร้ราคี
                                                    การศึกษา    ต้องมุ่งที่ความเป็นคน
                                                    การศึกษา    ต้องใฝ่หาความถูกต้อง
                                                    การศึกษา    พึงหมายปองบุญกุศล
                                                    การศึกษา    ต้องสำนึกฝึกที่ตน
                                                    การศึกษา    ต้องหลุดพ้นอวิชชา
 “มุ่งหาความรู้   เชิดชูความเป็นไทย  หลีกไกลอบายมุข
ขอโทษ
                                                   การขอโทษมิใช่การพ่ายแพ้
                                                   จะเป็นความอ่อนแอก็หาไม่
                                                   การขอโทษคีอการชนะใจ
เป็นความกล้าอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์
หนึ่งนาที
การอบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์นั้น
เพียงวันละนาทีก็ดีถม
ศิษย์จะดีมีชื่อหรือล่มจม
อาจเป็นเพราะอบรมหนึ่งนาที
ศิษย์ดี     ดูที่ครูดี
   ครูดี      ดูที่ศิษย์ดี
                                                ถิ่นไทยในป่ากว้าง       ห่างไกล
                                                แสงวัฒนธรรมใด        ส่องบ้าง
                                                เห็นเทียนอยู่รำไร         เล่มหนึ่ง
                                                ครูนั้นแหละอาจสร้าง   เสกให้ชัชวาลย์
พระครูปริยัติโชติยาภรณ์
(พระมหาหนูพร จารุวณฺโณ)
เจ้าอาวาสวัดท่าสว่าง บ้านหนองผือ-โนนค้อ
เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองสรวง
ปฏิบัติศาสนกิจสนองงานคณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด
พระปลัดปัญญา ฉนฺนจิตฺโต
รองเจ้าอาวาสวัดท่าสว่าง บ้านหนองผือ-โนนค้อ
พระครูพิสิฐวชิรวงศ์ เจ้าคณะตำบลหนองหิน
ลงทะเบียนประชุมพระสังฆาธิการระดับวัด
ณ วัดคูเมือง ตำบลคูเมือง อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด
ผู้สร้างคน *
เป็นแสงธรรมนำทางสร้างชีวิต
เป็นผู้คิดสื่อสารงานศึกษา
เป็นผู้รู้ประสิทธิ์วิทยา
เป็นศาสตราคอยคุ้มครองผองเด็กไทย
ป็นแม่พิมพ์กำหนดบทบาทศิษย์
เป็นผู้ชี้แนวชีวิตที่ฝันใฝ่
เป็นผู้นำพาชาติปราศพิษภัย
ค่ายิ่งใหญ่เกินกล่าวขานคืองานครู
การไหว้ครูคิดถึงครูผู้สอนสั่ง
คุณครูยังฝังจิตศิษย์ไม่หาย
ด้วยมุ่งหมายให้ศิษย์ดีมีวิชา
การไหว้ครูคิดถึงครูเหนื่อยใจกาย
ดัวยมุ่งหมายให้ศิษย์ดีมีวิชา
การไหว้ครูคิดถึงครุผู้เมตตา
เจตนาเรามั่นในคุณครู
นับแต่นี้ศิษย์ฝึกตนตั้งต้นใหม่
สำรวมกายวาจาให้แน่นหนา
ไม่ให้ผิดต่อคุณครูผู้เมตตา
ขอสัญญาพุทธบุตรหยุดต่ำทราม
พระพุทธิสารมุนี
เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
ประธานจัดการประชุมพระสังฆาธิการ 
คณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด ภาค ๙
ชาวบ้านกับวัด
อันชาวบ้าน     ทำงาน     เพื่อกามเกียรติ
จึงเกิดความ     ตึงเครียด  จนสั่นเสียว
ส่วนชาววัด     มุ่งขจัด     ไปท่าเดียว
มิให้เกี่ยว     เกียรติกาม     มุ่งงามธรรม
       จึงเกิดมี     เครื่องวัด     วัดชาวบ้าน
ด้วย เงิน งาน     อดอยาก     หรือ อิ่มหนำ
ส่วนเครื่องวัด     ชาววัด     วัดกิจกรรม
ว่าเขาทำ     ให้ว่างได้     เท่าไรแล
ถ้าชาววัด     ฮึดฮัด     มุ่งกามเกียรติ
มันน่าเกลียด     แสนกล     คนตอแหล
ถ้าชาวบ้าน     เกียจคร้าน     งานเชือนแช
ก็มีแต่     ทุกข์ทน     หม่นหมองไป
       จึงขอให้     ชาวบ้าน     เป็นชาวบ้าน
ผสมผสาน     เกียรติกาม     ตามวิสัย
ให้ชาววัด     เป็นชาววัด     ขจัดไกล
เพื่อพ้นภัย     เกียรติ-กาม     งามนักเอย
พระเดชพระคุณพระสุขุมวาทเวที
รองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
วัดบูรพาภิราม พระอารามหลวง 
องค์บรรยายถวายความรู้
พระเดชพระคุณพระสุขุมวาทเวที
รองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
สวดมนต์อ้อนวอนขอพรพระ
โปรดชำระจิตใจให้สดใส
กรรมเคยทำบุญเคยสร้างแต่ปางใด
น้อมนำให้ สุขกายใจไร้มลทิน
พระมหาประสิทธิ์ สิริปญฺโญ
เลขานุการรองเจ้าคณะภาค ๙
พระมหาประสิทธิ์ สิริปญฺโญ
เลขานุการรองเจ้าคณะภาค ๙
องค์บรรยายถวายความรู้เรื่องบทบาทหน้าที่ไวยาวัจกร
วัดจะงาม สง่าสวย ด้วยพระสงฆ์
ผู้มั่นคง ในศาสน์ ประกาศมั่น

พัฒนาวัด พัฒนาใจ ไปด้วยกัน

ก็จะพลัน  เต็มคุณค่า สถาพร


วัดคือบุญญสถานสำราญจิต
วัดคือแหล่งรวมมิตรคิดสร้างสรรค์

วัดคือต้นแบบอย่างทางชีวัน

วัดคือแดนสวรรค์อนันต์คุณ


วัดคือศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ
วัดคือแดนนักปราชญ์ประกาศหนุน

วัดคือแดนเมตตาเนื้อนาบุญ

วัดคือแหล่งเกื้อหนุนอดุลย์ธรรม


วัดคือแหล่งรากฐานการศึกษา
วัดคือสรรพวิชาพาอิ่มหนำ

วัดคือถิ่นศิลปวรรณกรรม

วัดนั้นมีคุณค่าล้นท้นบรรยาย. 

ข้อคิด คำคม เพื่อพัฒนาตนเอง
อย่าร้องไหเลย หัวใจเอ๋ย ไม่มีใครสนใจเจ้าหรอก นอกจากจะช่วยถีบลงหลุม แล้วเขี่ยดินกลบให้เท่านั้น
อุปสรรค หยุดรออยู่ทุกที่ในวิถีชีวิต ไม่มีใครก้าวสู่ความสำเร็จได้ โดยไม่ผ่านอุปสรรคก่อน เพื่อชัยชนะแห่งจุดมุ่งหมาย ท่านจะต้องมีเครื่องมือต่อสู้ชนิดหนึ่ง นั่นคือ กำลังใจ
ในกระแสน้ำเชี่ยว ปลาทุกตัวย่อมจะว่ายทวนน้ำ ปลาที่ลอยตามน้ำก็มีแต่ปลาตาย ทุกคนเกิดมาเพื่อต่อสู้กับอุปสรรค ผู้ที่ปล่อยชีวิตให้หลากไหลไปตามโชคชะตา ก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว

ไม่ว่าความมานะ อดทน จะขมขื่นเพียงใด ผลที่ได้รับก็จะหวานชื่นเพียงนั้น
คนที่ปล่อยชีวิตให้ผ่านพ้นไป โดยมิได้ทำสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ จะต้องเศร้ายิ่งกว่า คางคกที่นอนหมกอยู่ในห้องน้ำ
ตราบใดที่มหาสมุทรยังไม่ไร้คลื่น ท้องฟ้ายังมีสีครามตราบนั้นความรัก และความหวังยังไม่สิ้น
นกนางนวลที่ลอยละล่องอยู่ในฟองคลื่น มิได้ลอยอยู่ด้วยความสำราญเสมอไปมีที่ลอยอยู่เพื่อแสวงหาอาหารเพราะท้องหิวก็มี

ทะเลจะบ้า ท้องฟ้าจะคลั่งเพียงใด กัดฟันทนเอาไว้ แล้วท่านจะถึงฝั่ง
ความยากจน ความลำบากยากเข็ญ เป็นเพื่อนเล่นกับความเกียจคร้าน
แม้จะมีมือมากมายเหมือนทศกรรฐ์ แต่ถ้าเป็นมือที่เกียจคร้านก็สู้มือขอทานที่ด้วนเหลือข้างเดียวไม่ได้
ความเย่อหยิ่งของผู้หญิง เป็นการแสดงออกของจุดเด่น เพื่อท้าทายความกล้าของผู้ชาย
ความรัก เหมือนแมลงเล็กๆที่ซุกซน ชอบซอกซอนเข้าไปในใจหนุ่มสาวบางครั้งบินมากับเสียงเพลงเสียงฟ้าร้อง และเสียงน้ำไหลแต่บางคราวก็คลานมากับเสียงร้องไห้และน้ำตา
ถ้าปรารถนาจะอบอุ่นอยู่ในอ้อมอกของความรัก อย่าขายหัวใจให้กับความใคร่ และคนที่เอาเงินมาซื้อ
เข็มนาฬิกา ไม่เคยหยุดนิ่ง มันไม่ยอมร้องอุทธรณ์ว่าเหน็ดเหนื่อย

เมื่อเป็นตะปูจงกัดฟันทน ถ้าเป็นค้อนเมื่อไร กระหน่ำตีให้สุดกำลังเถิด
เมื่อความยากจนกระโดเข้าประตูมา ความรักก็กระโจนออกทางหน้าต่างไป
แก้มของลูกหมายังไม่อดนมแม่ หอมกว่าแก้มผู้หญิงสวย ใจทรามเป็นไหนๆ
รักเถิด แต่อย่าหลง เพราะความหลงเป็นหนทางไปสู่หลุมฝังศพ

เย็บกระสอบใช้เข็มเล่มเดียวก็เพียงพอ แต่เย็บปากคนคงต้องใช้เป็นร้อยพัน
ก้มหน้าก้มตาทำไปเถิด ไม่ต้องวิงวอนต่อพระเจ้าก็สำเร็จได้ ....ถมไป
หัวเราะเอง คนอื่นพลอยขำ และหัวเราะตาม แต่ร้องไห้เอง ต้องเช็ดน้ำตาเอง
เถาวัลย์ ย่อมไม่พันไม้ที่อยู่ห่าง
เอาทุกอย่าง มักจะเสียทุกอย่าง
ความเป็น ไม่มีอยู่ในคนตาย แต่ความตายกลับมีอยู่ในคนเป็น.


รู้อย่างเดียวแต่ทำสำเร็จ ดีกว่ารู้หลายอย่างแต่ทำไม่สำเร็จเลยสักอย่าง
หลับตาฝัน พอตื่นก็หาย ลืมตาฝัน พอหลับก็ลงหลุม
คนมีเขา นับว่าประหลาดอยู่ แต่ควายมีหัวเป็นมนุษย์ นี่สิ...ประหลาดกว่า
ดอกไม้ดอกเดียวร้อยพวงมาลัยไม่ได้
มือดีปราบศัตรูได้คนเดียว แต่หัวดี ปราบศัตรูได้พันคน
ความจริงตลก ขบขันที่สุด

ตายเสียแล้วเมื่อไร ค่อยคิดว่าตัวเองสิ้นหวัง
อย่าอิจฉาใคร ทนรอเตรียมพร้อมไว้เสมอ
อย่านิ่งนอนใจอยู่เลยความตายขยับใกล้เข้ามาอีกก้าวหนึ่งแล้วนะ
ท่านเกียจตัวเองนักหรือ จึงได้เอาอย่างคนอื่นอยู่ร่ำไป
ไม่มีน้ำ แม้ปลาจะว่ายเก่งเพียงใดก็ไม่รอด
แม้จะจับเอาสุนัขมาสวมรองเท้าให้มัน ก็ไม่มีใครเรียกมันว่าคุณ.


วัดราษฏร์ในอำเภอเมืองสรวง  จังหวัดร้อยเอ็ด
สังกัดมหานิกาย
ตำบลกกกุง  7  วัด
วัดกกกุงวราราม        ตำบลกกกุง
วัดบัวสูง                  ตำบลกกกุง
วัดหนองยาง             ตำบลกกกุง
วัดหัวนา                  ตำบลกกกุง
วัดเหล่าหัวภู            ตำบลกกกุง
วัดบ้านดอนดู่           ตำบลกกกุง

วัดราษฎร์สีสุก         ตำบลกกกุง
ตำบลคูเมือง  7  วัด
วัดคูเมือง                    ตำบลคูเมือง
วัดใต้สูงยาง                  ตำบลคูเมือง
วัดปทุมวนาราม              ตำบลคูเมือง
วัดสว่างอารมณ์              ตำบลคูเมือง
วัดเหนือสูงยาง               ตำบลคูเมือง
วัดบ้านป่าดวน               ตำบลคูเมือง

วัดบ้านพังหาด               ตำบลคูเมือง
ตำบลเมืองสรวง  5  วัด
วัดบ้านผำใหญ่               ตำบลเมืองสรวง
วัดเมืองสรวงน้อย            ตำบลเมืองสรวง
วัดเมืองสรวงใหญ่            ตำบลเมืองสรวง
วัดบ้านหนองหมู             ตำบลเมืองสรวง

วัดเก่าโนนเมือง              ตำบลเมืองสรวง
ตำบลหนองผือ  5  วัด
วัดท่าสว่าง                    ตำบลหนองผือ
วัดเมืองสรวงเก่า             ตำบลหนองผือ
วัดศรีสุริยาป่ายาง           ตำบลหนองผือ
วัดเหล่าฮก                    ตำบลหนองผือ

วัดบ้านหนองเม็ก            ตำบลหนองผือ
ตำบลหนองหิน  6  วัด
วัดไตรมิตรธรรมาราม        ตำบลหนองหิน
วัดศรีสุข บ้านข่อย             ตำบลหนองหิน
วัดหนองหินน้อย               ตำบลหนองหิน
วัดหนองหินใหญ่              ตำบลหนองหิน
วัดป่าแถม                        ตำบลหนองหิน
วัดบ้านดอนก่อ                ตำบลหนองหิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น