กำหนดวันสอบธรรมสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๕
นักธรรมชั้นตรี
กำหนดสอบวันที่ ๒๔ - ๒๕ - ๒๖ - ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๕๕
ตรงกับวันพุธ - พฤหัสบดี - ศุกร์ - เสาร์ ขึ้น ๙
- ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑
รวมสอบ ๔ วันๆ ละ ๑ วิชาๆ ละ ๓ ชั่วโมง
เริ่มสอบเวลา ๑๓.๐๐ น. ทุกวัน พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร
กำหนดส่งบัญชีถึงสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
ก่อนวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕
นักธรรมชั้นโทและเอก
กำหนดสอบวันที่ ๒๙ - ๓๐ พฤศจิกายน และวันที่ ๑ -
๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ตรงกับวันพฤหัสบดี - ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์
แรม ๑ - ๒ - ๓ - ๔ ค่ำ เดือน ๑๒
รวมสอบ ๔ วันๆ ละ ๑ วิชาๆ ละ ๓ ชั่วโมง
เริ่มสอบเวลา ๑๓.๐๐ น. ทุกวัน พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร
กำหนดส่งบัญชีถึงสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
ก่อนวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕
ธรรมศึกษาทุกชั้น
กำหนดสอบวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ รวมสอบ ๑
วัน
ภาคเช้า เวลา ๐๘.๓๐ น. สอบวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม
ภาคบ่าย เวลา ๑๓.๐๐ น. สอบวิชาธรรมะ วิชาพุทธะ
และวิชาวินัย
ให้เวลาวิชาละ ๕๐ นาที พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร
ใช้ข้อสอบแบบปรนัยหรือแบบเลือกตอบ
กำหนดส่งบัญชีถึงสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
ก่อนวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕
หลักสูตรนักธรรม
นับแต่ได้มีการตั้งหลักสูตรนักธรรมขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕
หลักสูตรได้มีการปรับปรุงเรื่อยมาเป็นระยะ
ทั้งในด้านเนื้อหาวิชาและตำราที่ใช้เป็นหลักสูตรหรือแบบเรียนในชั้นนั้นๆ
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้สอบนักธรรมได้ในชั้นนั้นๆ มีความรู้สมกับภูมิ
เพราะวัตถุประสงค์สำคัญในการที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ทรงพระดำริจัดตั้งการศึกษานักธรรมขึ้นนั้น
ก็เพื่อให้ภิกษุสามเณรมีความรู้ธรรมวินัยสมกับภูมิของตน กล่าวคือ
นักธรรมชั้นตรี เพื่อให้ผู้ศึกษาเล่าเรียนซึ่งยังอยู่ในภูมินวกะ
มีพรรษาหย่อน ๕ มีความรู้ธรรมวินัยพอรักษาตัวได้
นักธรรมชั้นโท
เพื่อให้ผู้ศึกษาเล่าเรียนซึ่งอยู่ในภูมิมัชฌิมะมีพรรษาเกิน ๕ มีความรู้ธรรมวินัยละเอียดกว้างขวางออกไปถึงขั้นพอช่วยแนะนำผู้อื่นได้
นักธรรมชั้นเอก เพื่อให้ผู้ศึกษาเล่าเรียนซึ่งอยู่ในภูมิเถระ
มีพรรษาเกิน ๑๐
มีความรู้ธรรมวินัยละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นถึงขั้นสามารถเป็นหลักในสังฆกรรม
และเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ดูแลสั่งสอนผู้อื่นได้
เมื่อทรงตั้งหลักสูตรนักธรรมขึ้นแล้ว สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ
ก็ทรงพระนิพนธ์หนังสือต่างๆ สำหรับใช้เป็นแบบเรียนของนักธรรมชั้นนั้นๆด้วย
หนังสือบางเรื่องที่ยังทรงพระนิพนธ์ไม่เสร็จ ก็ทรงใช้หนังสืออื่นๆที่ใกล้เคียงกันเป็นตำราหรือแบบเรียนไปพลาง
แม้นักธรรมชั้นเอกที่ตั้งขึ้นหลังจากพระองค์ชิ้นพระชนม์แล้ว
พระองค์ก็ได้
ทรงพระนิพนธ์ตำราสำหรับใช้เป็นหลักสูตรเตรียมไว้เกือบครบทุกวิชา
หลักสูตรนักธรรมทุกชั้น ซึ่งได้ปรับปรุงมาโดยลำดับนั้นมาถึง พ.ศ. ๒๔๖๙
จึงเป็นอันยุติได้ ดังนี้
หลักสูตรนักธรรมชั้นตรี
เรียงความแก้กระทู้ธรรม ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต
ธรรมวิภาค ใช้หนังสือนวโกวาท
ตำนาน (พุทธประวัติ) ใช้หนังสือพุทธประวัติ เล่ม ๑-๓ หนังสือปฐมสมโพธิ
ของสมเด็จพระสังฆราช (สา)
วินัยบัญญัติ ใช้หนังสือนวโกวาท
หลักสูตรนักธรรมชั้นโท
เรียงความแก้กระทูธรรม ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต
ธรรมวิภาค ใช้หนังสือธรรมวิภาค ปริจเฉทที่ ๒
ตำนาน (อนุพุทธประวัติ) ใช้หนังสืออนุพุทธประวัติ
และหนังสือพุทธานุพุทธประวัติ เฉพาะประวัติพระสาวก หนังสือสังคีติกถาและ
หนังสือปฐมสมโพธิ
วินัยบัญญัติ ใช้หนังสือวินัยมุขเล่ม ๑–๒
หลักสูตรนักธรรมชั้นเอก
เรียงความแก้กระทู้ธรรม ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต
และหนังสือธรรมอื่นๆ มีมงคลวิเสสกถา เป็นต้น
ธรรมวิภาค ใช้หนังสือธรรมวิจารณ์ หนังสือสมถกรรมฐาน
หนังสือมหาสติปัฏฐานสูตร และคิริมานนทสูตร แปล
ตำนาน (พุทธานุพุทธประวัติ) ใช้หนังสือพุทธประวัติเล่ม ๑-๓
หนังสือปฐมสมโพธิหนังสือพุทธานุพุทธประวัติ หนังสืออนุพุทธประวัติ
และหนังสือสังคีติกถา
วินัยบัญญัติ ใช้หนังสือวินัยมุขเล่ม ๓
(หลักสูตรนักธรรมและเปรียญสำหรับใช้ในการศึกษาและสอบไล่ธรรมวินัย
ของพระภิกษุสามเณร. พระยาภักดีนฤเบศร์ รวบรวม, ฉบับพิมพ์ครั้งแรก, พ.ศ. ๒๔๖๙. หน้า ก-ข.)
ถึง พ.ศ. ๒๔๗๕
มีการปรับปรุงในส่วนของวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรมอีกครั้งหนึ่ง
คือสำหรับนักธรรมชั้นโท กำหนดหัวข้อธรรมที่ต่างกัน ๒ ข้อ
ให้นักเรียนแต่งเป็นทำนองเทศน์เชื่อมความ ๒ ข้อนั้นให้ต่อเนื่องกันสนิท และให้ชักภาษิตในที่อื่นมาอ้าง
๒ แห่ง อย่าให้ซ้ำกัน
สำหรับนักธรรมชั้นเอก
กำหนดหัวข้อธรรมต่างกัน ๓ ข้อ ให้นักเรียนแต่งเป็นทำนองเทศน์ เชื่อมความ ๓ ข้อนั้น
ให้ต่อเนื่องกันสนิท และชักภาษิตในที่อื่นมาอ้าง ๓ แห่ง อย่าให้ซ้ำกัน
และในศกเดียวกันนี้
ได้เพิ่มเติมหลักสูตรนักธรรมชั้นเอก คือให้สอบพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์
ร.ศ. ๑๒๑ อีกส่วนหนึ่ง และถือว่าเป็นวิชาสำคัญ
ถ้าสอบวิชานี้ตกวิชาอื่นในชั้นเป็นอันตกไปด้วยกัน
หลักสูตรนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกที่ปรับปรุงใหม่ดังกล่าวนี้ เริ่มใช้แต่
พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นไป (ประวัติการศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. หน้า ๑๕๙–๑๖๐.)
ธรรมศึกษาตรี
การศึกษานักธรรมในครั้งนั้น
เป็นที่นิยมและเป็นที่ยกย่องทั้งในวงการคณะสงฆ์และในทางราชการ
ผู้ที่สอบได้ประโยคนักธรรม เมื่อลาสิกขาออกไป ก็สามารถรับราชการเป็นครูสอนตามโรงเรียนต่างๆ
เมื่อมีการสอบเลื่อนวิทยฐานะครู ผู้สอบได้
ประโยคนักธรรมก็ได้รับสิทธิพิเศษ
โดยได้รับการยกเว้นโดยไม่ต้องสอบ ๑ ชุดวิชา
เพราะประโยคนักธรรมชั้นตรีจัดเป็นชุดวิชาหนึ่งสำหรับการเลื่อนวิทยฐานะ
ต่อมาคณะสงฆ์ในสมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
พิจารณาเห็นว่า การศึกษานักธรรมก็เป็นประโยชน์แม้แก่ผู้ที่มิใช่ภิกษุสามเณร
โดยเฉพาะในหมู่ข้าราชการครู ดังนั้น
คณะสงฆ์จึงอนุญาตให้ครูทั้งหญิงและชายเข้าสอบ
ประโยคนักธรรมชั้นตรีในสนามหลวงได้
โดยได้ตั้งหลักสูตรประโยคนักธรรมสำหรับฆราวาส เรียกว่า "ธรรมศึกษาตรี"
ซึ่งประกอบด้วยวิชาที่ต้องสอบเช่นเดียวกันกับหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีสำหรับภิกษุสามเณร
ยกเว้นวิชาวินัยบัญญัติ ใช้เบญจศีล เบญจธรรม และอุโบสถศีลแทน
ธรรมศึกษาตรี
เปิดสอบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒
ปรากฏว่ามีฆราวาสทั้งชายและหญิงสมัครสอบกันเป็นจำนวนมาก (เล่มเดียวกัน, หน้า ๑๕๘.)
ธรรมศึกษาโท
เมื่อเห็นว่าฆราวาสสนใจศึกษาและสมัครสอบธรรมศึกษาตรีกันเป็นจำนวนมาก ในปี
พ.ศ. ๒๔๗๓ คณะสงฆ์จึงได้จัดตั้งหลักสูตรธรรมศึกษาโทขึ้น
เพื่อเป็นการขยายการศึกษานักธรรมสำหรับฆราวาสให้กว้างขวางและแพร่หลายยิ่งขึ้น
อันเป็นการ
ส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาทางหนึ่ง หลักสูตรธรรมศึกษาโทประกอบด้วยวิชาที่ต้องสอบ
๓ วิชา คือธรรมวิภาค อนุพุทธประวัติ และเรียงความแก้กระทู้ธรรม
เช่นเดียวกับหลักสูตรนักธรรมชั้นโทสำหรับภิกษุสามเณร
ยกเว้นวินัยบัญญัติธรรมศึกษาโทสอบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ (เล่มเดียวกัน, หน้า ๑๕๙.)
ธรรมศึกษาเอก
พ.ศ. ๒๔๗๘
คณะสงฆ์ได้ตั้งหลักสูตรธรรมศึกษาเอกและอนุญาตให้ฆราวาสสอบได้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๘
เป็นต้นไป (แถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๒๓ อ้างใน
รายงานเรื่องศึกษาของคณะสงฆ์ไทย.
(เอกสารโรเนียวเย็บเล่ม). ฝ่ายวิจัย กองแผนงาน กรมศาสนา, พ.ศ. ๒๕๑๖. หน้า ๒๓.) หลักสูตรนักธรรมชั้นเอกก็ประกอบด้วย
วิชาที่ต้องสอบ
๓ วิชา คือ ธรรมวิภาค พุทธานุพุทธประวัติ และเรียงความแก้กระทู้ธรรม
เช่นเดียวกับหลักสูตรนักธรรมชั้นเอกสำหรับภิกษุสามเณร ยกเว้นวินัยบัญญัติ
การศึกษานักธรรม
อันเป็นการศึกษาพระพุทธศาสนา หรือธรรมวินัยในภาษาไทย ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงพระดำริตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ นั้น ได้พัฒนามาโดยลำดับ
ทั้งในด้สนหลักสูตร การเรียนและการสอน เพื่อให้
ภิกษุสามเณรมีความรู้ในธรรมวินัย
ตลอดถึงความเป็นมาของพระพุทธศาสนาอย่างทั่วถึง
พอแก่การที่จะเป็นศาสนทายาทที่มีคุณภาพ สามารถดำรงพระศาสนาไว้ได้ด้วยดี
การศึกษานักธรรมได้เป็นที่นิยมนับถือของคณะสงฆ์และได้รับการจัดให้เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานของภิกษุสามเณรในประเทศไทยควบคู่ไปกับการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีนับแต่เริ่มต้นมาจนบัดนี้
การศึกษานักธรรมที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯได้ทรงตั้งขึ้นนี้
จึงนับว่ามีคุณประโยชน์ต่อการพระศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้
การศึกษานักธรรมยังได้แผ่ประโยชน์ไปยังพุทธบริษัทฝ่ายฆราวาสด้วย
ดังที่ฆราวาสจำนวนมากก็สนใจศึกษาและสอบธรรมศึกษากันเป็นจำนวนมากตลอดมาดังที่กล่าวแล้ว
การที่พุทธบริษัทฝ่ายฆราวาสได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมวินัย
นับว่ามีประโยชน์ต่อการที่จะช่วยส่งเสริมและดำรงรักษาพระศาสนาให้เจริญมั่นคงได้ทางหนึ่ง
หลักสูตรพุทธานุพุทธประวัติ ใช้หนังสือพุทธประวัติ เล่ม ๑, เล่ม ๓ หนังสือปฐมสมโพธิ หนังสือพุทธานุพุทธประวัติ
หนังสืออนุพุทธประวัติ และหนังสือสังคีติกถา